คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

6.12.51

# ภาพกับบุคลิกภาพของคุณ..

"ภาพลักษณ์" (IMAGE) หมายถึง สิ่งที่ปรากฏขึ้น ,รูปแบบ, ภาพ,รูปภาพ ,รูปจำลอง"บุคลิกภาพ" หมายถึง สภาพเฉพาะตัวบุคคลหรือนิสัยเฉพาะตัวบุคคลดังนั้น "ภาพลักษณ์กับบุคลิกภาพ " ก็หมายถึง สิ่งที่ปรากฏขึ้นตามสภาพเฉพาะตัวของบุคคล

ทุกวันนี้คนเรามักจะพยายามลืมสิ่งที่ปรากฏขึ้น ตามสภาพเฉพาะตัวบุคคลกันไป ก็เลยทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการมีภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดีไป เพราะว่าส่วนใหญ่มักจะมองข้ามความสำคัญของตัวเองไป
โดยเปรียบเสมือนคำที่ว่าเส้นผมบังภูเขาก็คือ คนเรามักจะมองอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่เห็นแต่จะสามารถมองคนอื่นได้เห็นเด่นชัดกว่า ดัง นั้นทุกวันนี้เลยมีการปรับ "ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ" กันตามบุคคลที่ตนชื่นชมหรือตามศิลปินที่ตนเองหรือสังคมชื่นชอบ ก็เลยทำให้ก ลายเป็นบุคคลที่มีภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ ไม่แน่นอน เพราะคนเราไทยเราโดยส่วนใหญ่มักใช้การ "เลียนแบบ"แต่ไม่ได้ใช้การ "เรียนรู้" อาศัยการเลียนแบบจากบุคคลรอบข้าง อาศัยการเลียนแบบจากโฆษณา อาศัยการเรียนแบบบอกต่อกันมา แต่ไม่ได้มีการ "เรียนรู้" การเรียนรู้ในที่นี้ผู้เขียนหมายถึง เรียนรู้จักตัวเอง

เอาล่ะครับไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว เราลองมาทำการเรียนรู้ ทำความรู้จักกับตัวเองก่อนเป็นไร เพราะผู้เขียนมั่นใจเหลือเกินกว่ามีผู้อ่านอีกหลา ยท่านที่ยังไม่ได้รู้จักกับตัวเองเลยแม้ว่าจะใช้เวลานานนับสิบปีแล้วก็ตาม บางท่านยังคงรอคอยบุญพาวาสนาส่ง รอให้ขาวกว่านี้อีกหน่อย ,คอยให้สูงกว่านี้อีกนิด คิดว่าหากสาวกว่านี้ ก็คงจะดีไม่น้อย คงจะมี "ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ" ที่ดีกว่าที่เป็น แล้วทำไมเล่าท่านไม่หัน มายึดเอา "บุคลิกภาพ"หรือ สภาพเฉพาะตัวบุคคลของท่านมาปรับเพื่อสร้างให้มี "ภาพลักษณ์"ที่ดี กันซะตั้งแต่วันนี้ (ที่ได้ทำความรู้จักตัวเอง)เอาล่ะครับมาลองทำความเข้าใจตัวเองกันดูดีกว่านะครับ

คนเราทุกคนเกิดมา ไม่ว่าจะชาติใดภาษาใดก็ตามร่างกายคนเรานั้นจะต้องประกอบด้วย เซลล์ เลือดเนื้อ กระดูกและผิวหนัง(นี่อย่างง่า ยๆนะครับคงไม่ต้องอธิบายกันลึกซึ้งเหมือนเรียนแพทย์) ก็อย่างที่ง่ายและชัดเจนก็คือ "รูปร่าง" มีศีรษะมีเส้นผม มีอวัยวะครบเอาเป็นว่า ละไว้ในที่เข้าใจแล้วกันนะครับ เมื่อเรามีรูปร่าง แล้วเคยสังเกตหรือไม่ว่า ทำไมรูปร่างของเราถึงต่างกัน สูงเตี้ยดำขาวอ้วนผอมต่างกัน และผู้อ่านหลายต่อหลายท่านก็ไม่ยอมที่จะภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ต่อแต่นี้ไปก็ขอให้หันมาทำความเข้าใจกันใหม่นะครับว่า คนเราทุก คนนั้น "สามารถดูดีได้หากเรารู้จักตัวเองดี"หรือสามารถนำเอาบุคลิคภาพนั้นมาสร้างเป็นภาพลักษณ์ที่ดีได้อย่างง่ายดาย"

เคล็ดลับการมี "ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดี"นั้น ก็มีปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ
"สี" (COLOUR) ทำไมคนเรามีสีผมสีผิว สีดวงตาที่แตกต่างกัน ทำไมเราสวมเสื้อผ้าบางสีแล้วช่วยทำให้เราดูดี แต่บางสีทำไมท ำให้เรารู้สึกดูดีน้อยลงไปกว่าคนอื่นเค๊าใช้ บางครั้งเราสวมเสื้อผ้าบางสีรู้สึกเหมือนคนรอบข้างจะให้ความชื่นชมและความอบอุ่นเป็นกันเ องมากแต่บางสีทำให้เราดูหม่นดูหมองดูเครียดดูเหมือนไม่สบาย ดังนั้นคนไทยเราจึงมักจะพูดกันติดปากเสมอว่า "คน(ผิว)ขาวสว มใส่เสื้อผ้าสีอะไรก็ได้" ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันมานานนับสิบๆปี ดังนั้นจึงทำให้ผู้หญิงไทยหลายๆๆๆๆต่อหลายคนที่มีสีผิว ที่สวยเป็นสีผิวสีน้ำผึ้งจึงดูไม่ชื่นชมในสีผิวที่แสนสวยที่ตนเองมีอยู่เลย เพราะความเชื่อที่ว่า "สาวที่สีผิวสีแทนนั้นจะต้องมาจากครอบครัว ที่ลำบาก" ก็จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดูเหมือน(ขอใช้คำว่าดูเหมือน)คนสีผิวขาวสดใส ยอมทำทุกอย่างเพื่อจะให้สีผิวตัวเอง ด ูเหมือนขาวขึ้นจึงมีผลิตภัณฑ์ ที่เรียกกันว่า Whitening เกิดขึ้นมา และมีวิธีที่จะเอาใจคนที่สีผิวสีเข้มให้ดูเหมือนสีผิวใสขึ้นกว่าที่เป็นอ อกมาอีกหลากหลายวิธี ทั้งเจ็บตัวแถมเจ็บใจ(ภายหลัง)ก็มี เพราะสาเหตุอะไรล่ะครับ ก็เพราะความที่ไม่ได้เรียนรู้จักตัวเองหรือไม่เรียนรู้จัก ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ตัวเองมีนั่นเอง

คนเราทุกคนสามารถเลือกใช้ "สี" ทุกสีได้แต่ต้องคำนึงถึง ความเข้มของสีที่เหมาะสมกับสีผิวของตนเองเป็นสำคัญ ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า "สีทุกสี มีความสำคัญในตัวเองทุกสี
คนเราทุกคนก็มีความสำคัญในตัวเองเช่นกัน ดังนั้นหากเราสามารถนำเอาความสำคัญของคน กับเอาความสำคัญของสีมาผนวกรวมกันใ ห้เกิดความกลมกลืนได้ก็จะทำให้คนๆนั้นก้าวสู่ความสำเร็จไปแล้วครึ่งนึง ดังคำพูดที่ว่า "เลือกสีให้เหมาะสมกับคน" เราก็จะได้ "คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน"
สีสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับผู้พบเห็นได้ หากท่านผู้อ่านอยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้เกิดความน่าไว้วางใจ ความเข้มของสีจะสามารถช่วยท่านได้มากทีเดียว
สีสามารถสร้างความเป็นกันเองให้กับผู้พบเห็นได้ หากท่านผู้อ่านทำงานที่ต้องติดต่อพบปะกับผู้คนเยอะๆความสว่างสดใสของสี ก็สามารถช่วยทำให้เกิดความรู้สึกได้อย่างน่าอัศจรรย์เชียวนะจะบอกให้
สี สามารถสร้างความเสมอภาคทางความรู้สึกให้เกิดกับผู้พบเห็นได้ หากท่านผู้อ่านต้องการที่ไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างความรู้สึกของตั วท่านกับผู้พบเห็น ความเข้มของสีความสว่างสดใสของสีที่ได้รับการเพิ่ม และลดลงจะช่วยทำให้ความรู้สึกที่ไม่ข่ม หรือไม่โดนข่มก็จะเกิดขึ้นกับผู้พบเห็นเช่นกัน ความเสมอภาคทางด้านความรู้สึกก็จะไม่มีช่องว่างเกิดขึ้น

ท่านผู้อ่านเชื่อรึไม่ว่า คนไทยจำนวนมากที่เข้าใจเรื่องโทนสีไม่ถูกต้อง เราจะเคยได้ยินว่าโทนสีในศิลปะนั้นมีสองวรรณะหรือว่าสองโทนสี คือ วรรณะร้อน (WARM) และสีวรรณะเย็น (COOL) และสีจะเริ่มจากแม่สีสามสี คือสีเหลือง สีแดง และสีน้ำเงิน และหากจ ะถามว่าแม่สี สีไหนที่เป็นตัวแทนโทนสีวรรณะร้อนเกือบร้อยคน(ไทย)มักจะตอบว่าสีแดง นี่คือสิ่งที่ผมเจอกับผู้ที่เข้ามาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการค้นหาสีเฉพาะตัวเอง

ความจริงแล้ว ตัวแทน- ของโทนสีร้อน(WARM) หรือสีวรรณร้อนนั้นคือสีเหลือง(Yellow)
เพราะสีเหลืองจะทำให้สีทุกสีนั้นสว่างสดใสขึ้น เพราะฉะนั้นสีทุกสีนั้นสามารถเป็นโทนสีร้อนได้หากสีเหล่านั้นถูกผสมด้วยสีเหลืองใน อัตราส่วนที่เยอะกว่าซึ่งปัญหาเหล่านี้ผู้อ่านที่เป็นคนไทยน้อยคนจะให้ความสนใจดังนั้นปัจจุบันนี้ไม่ได้แล้วนะครับเราต้องเรียนรู้ทุกๆอย่ าง เพราะโลกเราแคบลงทุกวันแม้ว่าจะมีการพัฒนาก้าวไกลไปแค่ไหนก็ตามแต่หากเรายังไม่รู้จักการเรียนรู้ตัวเองให้เข้าใจแล้วล่ะก็ ก็คงไ ม่มีประโยชน์เพราะคงไม่สามารถทำอะไรได้ดีจนประสบความสำเร็จเพราะในเมื่อเรายังไม่รู้จักตัวเอง แล้วเราจะไปทำอะไรให้ได้ดีได้อย่างไรใช่ไหมครับ

ตัวแทนของโทนสีเย็น(COOL) ก็คือ น้ำเงิน(ฺBLUE) เพราะสีน้ำเงินจะทำให้สีทุกสีดูเย็นตา,นุ่มตาสบายตาขึ้น และสีทุกสีก็สามารถเ ป็นสีเย็นได้เช่นกันหากสีเหล่านั้นถูกผสมด้วยสีน้ำเงินในอัตราส่วนที่เยอะกว่า ดังนั้นไม่มีการจำกัดว่าสีร้อนมีสีอะไรบ้างหรือสีเย็นมีสีอ ะไรบ้าง เพราะจะดูแตกต่างกันจากความสว่างสดใสขึ้นกับความเย็นตาหรือสบายตานุ่มตา และท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่าคนเรานั้นก็ส ามารถจัดอยู่ในโทนร้อนและบางท่านก็อยู่ในโทนเย็น และหากผู้เขียนจะพูดว่าคนเราจะต้องจัดอยู่ในหนึ่งกลุ่มโทนสี ท่านผู้อ่านจะเชื่อห รือไม่และหากผู้เขียนจะพูดต่อไปอีกว่าบางท่านก็สามารถมีทั้งโทนร้อนและทั้งโทนเย็น ผมว่าท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะเกิดอาการเอาคิ้วผูกโบว์กันแล้วเป็นแน่ ไม่ต้องสงสัยเลยครับ
ท่านผู้อ่านลองย้อนนึกไปถึงกลุ่มเพื่อนๆหรือคนที่เรารู้จักกันสักนิด ว่าคนบางคนเราดูแล้วรู้สึกถูกชะตา(กรรม)เสียนี่กระไร อยากพูดอยา กคุยด้วยและเมื่อได้รู้จักแล้วก็รู้สึกจะเล่าอยากบอกอยากระบายความในใจให้เค๊าฟัง เพราะรู้สึกว่าเค๊าเป็นคนที่ไม่มีอะไรช่างดูอบอุ่นเสียนี่กระไร
แต่กับเพื่อนหรือคนที่เรารู้จักบางคนเจอหน้ากันครั้งแรกก็รู้สึกว่าช่างไม่ถูกชะตาเสียนี่กระไร ทั้งๆที่เค๊าเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้ซักกะนิด ก็สามารถพิชิตต่อมหมั่นไส้ของเราได้แล้ว
ไม่ใช่อะไรหรอกครับทั้งหมดนั่นเกิดจากอิทธิพลของโทนสีนั่นเอง บางคนที่ไปไหนมาไหนแล้วมีคนรักใคร่ เอ็นดู ก็มาด้วยอิทธิพลของส ีแห่งความอบอุ่น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การประเภทงานที่ต้องพบปะผู้คนเยอะๆอย่างงานการโรงแรมการประชาสั มพันธ์และงานอื่นๆที่ต้องเจอคนนั่นแหละอย่าอย่าเพิ่งเถียงนะครับว่างานทุกงานน่ะก็ต้องเจอคนแหละ แหมถึงเจอคนก็จริงแต่ท่านลอ งนึกตรึกตรองดูซะหน่อยเป็นไรว่า บางครั้งในสถานที่ทำงานที่มีกลุ่มคนหรือผู้ร่วมงานกันไม่มากมาย ก็มีคนบางคนรู้จักกันไม่ทั่วถึงยังมีเลยบอกแล้วไงไม่เชื่ออย่าลบหลู่
บางคนที่มีความสามารถพิเศษ คือการใช้หน้าตาและตัวเองเป็นอาวุธ คือไม่ต้องพูดอะไรเลย แค่ปรากฏกายก็สามารถทำให้เหล่าสหายพ่ ายกระเจิงแตกฮือกันไปแล้ว(อันนี่เว่อร์นะครับหากมีบุตรหลานอ่านอยู่ด้วยก็ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยขอบคุณ)
ก็แบบยังไม่ต้องทันพูดคุยกันก็สามารถขยับต่อมหมั่นไส้ได้แล้วอย่างที่กล่าวไปแล้วนั่นแหละ อย่างที่คนโบราณหรือคนไทยสมัยก่อน มักจะพูดเสมอว่าศรศิลป์ไม่กินกัน คนกลุ่มนี้ก็เกิดจากสีที่อยู่ในกลุ่มโทนเย็นนั่นเองเช่นกัน
อ้าวอ้าวอ้าว ท่านผู้อ่านบางท่านก็คงนึกแย้งในใจว่าแล้ว เมื่อตะกี้ที่พูดว่าบางคนก็มีทั้งโทนร้อน และโทนเย็นอยู่ในตัวคนคนเดียวแล้วเจ้ าอาการที่เกิดเนี่ยะจะเป็นเช่นไรฤา แล้วมีโรคแทรกซ้อนรึปล่าว อันนี้ผู้เขียนขอบอกว่าไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่จะมีอาการสับสนกับตัวเ องเล็กน้อย แบบบางทีตัวเองก็ยังไม่ทราบเหมือนกว่า อันตัวข้าฯ เองนั้นต้องการอะไรกันแน่ ก็เกิดอาการงงครับท่านผู้อ่าน เอาล่ะท่าน ผู้อ่านท่านใดทีมีอาการแทรกซ้อนเช่นนี้ก็พึงทำความใจซักนิดว่า ท่านกำลังมีอาการต่อสู้กันระหว่างโทนร้อนและโทนเย็นภายในตัวท่านแล้ว
อย่างที่เพื่อนผู้อ่านมักจะชอบพูดเสมอว่าวันนี้นางเอกหรือนางร้ายเข้าประทับ ก็คอยดูทิศทางลมของเจ้าหล่อนให้ดี ท่านผู้อ่านท่านใด ที่เคยมีอาการเวลาชอบใครใครในที่นี้หมายถึงเพื่อนหรือหนุ่มหรือสาว คนที่ใจท่านจะคิดว่าพิเศษว่าคนขึ้นจั๊กหน่อยนึงก็อาจเป็นได้เราไ ม่ว่ากัน ตอนที่เรารู้สึกชื่นชมก็จะติดต่อไปหาเค๊าไม่ขาดโทรฯหาปรึกษาพูดคุยกันวันไม่เว้น แต่บางครั้งก็เกิดอาการเจ(รู้สึกจำเจ) เค๊าโท รฯมาหาก็ไม่ยอมรับสายแถมบอกว่าไม่อยู่ซะอีก ซึ่งบางครั้งตัวเองก็แสนงงกับความรู้สึกตัวเองเช่นกัน

เอาล่ะครับก็เรื่องของสี ที่มาสร้างให้เกิดภาพลักษณ์ ก็คงจะพอเริ่มสังเกตกันได้อยู่บ้างนะครับ ขึ้นชื่อว่า "ภาพ"จะสวยหรือไม่ก็อยู่ที่กา รใช้"สี" เลือกสีได้เหมาะสมกับภาพนั้นหรือไม่ ดังนั้นท่านผู้อ่านก็ควรที่จะเรียนรู้การเลือก "สี" มาใช้ให้เกิดความเหมาะสมกับตัวเองเช่ นกันจึงจะทำให้ท่านมี "ภาพลักษณ์" ที่แสนสวยงามและดูเป็นภาพที่มีราคา ควรค่าแห่งการเลือกใช้อ้าวไปกันได้ไงนี่และรูปร่างของค นเรานั้น ก็มีอีกอย่างที่ประกอบขึ้นมาควบคู่และสำคัญไม่น้อยกว่าเรื่อง "สี" ก็คือรูปแบบหรือว่า STYLE

ท่านผู้อ่านเคยสงสัยรึไม่ว่าทำไมคนเราบางคนมีเส้นผมที่ตรง บางคนมีเส้นผมที่หยักศก หรืออาจจะถึงหยิกหยอง บางคนทำไมมีรูปหน้ารู ปกลมมน แต่บางคนทำไมมีรูปหน้าเป็นเหลี่ยมๆ ทำไมผู้หญิงบางคนมีหน้าอกเล็กเอวใหญ่สะโพกแฟบ แต่บางคนมีรูปร่างที่มีหน้าอกอันตระหง่าน เอวคอด สะโพกผายกลมกลึง หรือบางคนก็มีหน้าอกเล็กแต่กลับมีสะโพกใหญ่หน้าขาใหญ่
เอาล่ะครับ เราลองมาดูซิครับว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกัน ทั้งนี้สิ่งที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก็คือ "เส้น" (LINE) ภาพที่ ดีที่สวยงามนั้น ต้องประกอบด้วยเส้นและสีที่สวยงาม และลงตัวกันได้อย่างกลมกลืน

สมัยก่อนคนไทยเรามักจะเชื่อเรื่องบุญธรรมกรรมแต่ง และคนที่จะเป็นคนที่ได้รับความประทับใจจากผู้พบเห็นได้จะต้องมีรูปแบบที่คนไ ทยได้จัดวางไว้ อย่างเช่นไก่ที่สวยก็ต้องมีลักษณะเช่นไรบ้าง ผู้ชายจะหล่อต้องประกอบด้วยอะไรบ้างผู้หญิงจะสวยก็จะต้องประกอบขึ้นด้วย…

ผิวพรรณงดงาม(สีผิว) ผมเข้มดำขลับราวกับขนกาน้ำ(สีผม) คิ้วดำเข้ม ดวงตากลมโตสีดำ(สีดวงตา) รูปร่างจะต้องหน้าอกสวยงามรา วกับช่างปั้นแต่งขึ้นมา เอวคอด สะโพกกลมกลึง ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็เกิดจากเส้น(LINE) ของรูปร่าง นั่นเป็นสิ่งที่แค่ถูกจำกัดขึ้นมาแล้วบอก ต่อกันมาสืบทอดกันหลายชั่วอายุของคน ก็ไม่ว่ากันเพราะนั่นคือคุณสมบัติที่ดีของ "คนสวย" แต่ปัจจุบันนี้ มีคำนิยามออกมาใหม่ว่า "คน ดูดี" ได้นั้นไม่ต้องอาศัยความสวยหรือความหล่อ บางครั้งคนที่สวยหรือคนที่หล่อนั้นจะอาจจะดูไม่ดีก็ได้ หากขาดความเข้าใจในการเรียนรู้จักตัวเอง

"คนที่มีภาพลักษณ์และบุคลิกดี " คือคนที่สามารถเลือกใช้และสามารถควบคุม โทนสีและรูปแบบ ได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นั่นต่างหา กจึงได้รับความชื่นชมจากผู้พบเห็น เรามักจะได้ยินบ่อยๆว่าเค๊าไม่ใช่คนสวยหรือคนหล่อนะแต่ทำไมเค๊าดูดี๊ดี นี่ไง สิ่งที่เป็นคำตอบอยู่ตรงนี้แล้ว
เส้น (LINE) สามารถเป็นสิ่งกำหนดให้คนเรานั้นเป็นไปในทิศทางที่จะเป็นคนดูหล่อหรือสวยงาม หรือเป็นคนที่ดูดี บางคนเกิดมาเพื่อบ่ งบอกลักษณะความเป็นผู้หญิงได้ชัดเจนก็เกิดจาก "เส้นที่เป็นเส้นโค้ง" ดังนั้น จึงดูแล้วอ่อนหวาน ซึ่งคนไทยมักจะชื่นชมกับสิ่งที่อ่อนช้อ ย ก็จะชื่นชมผู้หญิงที่มีลักษณะที่ประกอบด้วยเส้นโค้ง แต่สำหรับสาวที่เกิดมาแล้วมีส่วนประกอบด้วย"เส้นตรง"ก็มักจะน้อยอกน้อยใจและ ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้มีการทำศัลยกรรมกันมากขึ้น ก็ยิ่งใช้ความพยายามปรุงแต่งปั้นเสริมกันโดยไม่ได้คำนึงถึงความสำคัญของตัวเองและไม่พยายามที่จะเรียนรู้จักตนเองทำให้เกิดปัญหา ขึ้นหน้าหนึ่งกันทางหนังสือพิมพ์บ่อยๆ

ลองมาทำความเข้าใจกันดีกว่า ว่าหากคุณเกิดมาแล้วประกอบขึ้นด้วย " เส้น" ซึ่งเส้นก็จะดูแตกต่างกันแล้วเราจะไปในทิศทางใดที่จะท ำให้เราเป็นคนที่ได้รับความชื่นชมจากผู้พบเห็นสาวที่เกิดขึ้นมาแล้วประกอบด้วย "เส้นตรง" เช่นเส้นผมก็เหยียดตรง รูปหน้าก็เป็นรูปเห ลี่ยมเห็นเด่นชัด หน้าอก,เอวสะโพกก็แทบจะตรงเป็นเส้นตรง หรือประเภทที่มักจะเรียกกันว่าเทพีวัดทับกระดาน หรือเทพีวัดเรียบห้าปี ซ้อนท่านก็จงภูมิใจและทำใจเถอะครับท่านเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด เพราะเป็นผู้หญิงที่มีภาพลักษณ์และบุคลิกที่เป็นผู้หญิงที่ดูเท่ทันส มัย ก็มองข้ามเรื่องความหวานแหววไปได้เลยครับ และเรื่องความคิดทำศัลยกรรมหน้าอกหน้าใจก็จะดูไม่เหมาะสม(อย่างยิ่ง)

คุณลองเลือกทรงผมที่โชว์ความเหยียดเป็นเส้นตรงของคุณให้ดูน่าสนใจและที่สำคัญก็คือ เลี่ยงทรงผมที่เป็นทรงยาวเกินไปเพราะจะเป็ นการเน้นให้เห็นถึงเส้นของรูปหน้าชัดเกินไป ก็เลือกทรงผมที่เป็นทรงสั้นๆเท่ๆจะดีกว่า ลืมไปเถอะว่าคำพูดของคุณแม่ที่เคยสั่งสมกันม านานที่ว่า "อีหนูเอ๋ยจงไว้ผมยาวนะเพราะผู้ชายไทยชอบผู้หญิงผมยาว" สมัยนี้น่ะผู้ชายไทยชอบผู้หญิงที่เก่ง และสามารถหาเลี้ยงได้ ต่างหาก สังคมปัจจุบันต้องช่วยกันทำมาหา(เรื่อง)รับประทานกันแล้วครับท่านผู้อ่าน

การมี "ภาพลักษณ์ที่ดีและมีบุคลิกที่ดี"นั้น อยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ ดังนั้นควรที่จะให้ความสำคัญของตัวเองก่อนเป็นหลักจงเป็นอย่างที่ ตัวเองเป็นและเรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้เป็นแล้วยึดตัวเองเป็นหลักปรับทุกอย่างที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเรา อย่าปรับตัวเราให้เป็นไปตามสิ่งที่เราจะนำเข้ามาใช้


โดยอาจารย์โสภาส ณ ตะกั่วทุ่ง sopas@colour-n-stylecom

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

DooDee share idae