คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

27.12.51

# Make up TIPs


Makeup Tips
• ก่อนแต่งหน้า ควรสังเกตโครงหน้า จุดเด่น ข้อบกพร่อง และบุคลิกของตัวเอง เพื่อจะได้แต่งหน้าในแบบที่เหมาะกับใบหน้าได้มากที่สุด เช่นคนที่มีตาลึกมากไม่ควรแต่งแบบ smoky eyes เพราะจะยิ่งทำให้เบ้าตาดูลึก ในขณะที่คนตาเล็กแต่งแล้วจะดูดีกว่า เป็นต้น
• ในการแต่งหน้า จำไว้ว่าพื้นฐานสำคัญที่สุดคือการแก้ไขรูปหน้า เฉดดิ้ง และไฮไลท์
• นอกจากการทาครีมกันแดดที่ขาดไม่ได้แล้ว ครีมรองพื้นก็เปรียบเหมือน second skin หรือผิวที่สองที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะและรังสี UV ได้อีกทางหนึ่ง
• ถ้าไม่มีเวลาลงรองพื้น อย่างน้อยควรใช้แป้งทูเวย์ที่มีส่วนผสมของสารกันแดด และเนื้อแป้งสามารถปกปิดข้อบกพร่องต่างๆ บนใบหน้าได้อย่างแนบเนียน
• ควรใช้พู่กันในการแต่งหน้าทุกครั้ง พู่กันสามารถวาดรูปปากได้ดีกว่าทาด้วยแท่งลิปสติกโดยตรง และสามารถล้างทำความสะอาดได้ จึงไม่ทำให้มีแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกตกค้าง การใช้พู่กันยังช่วยให้สีสันของอายแชโดว์ดูกลมกลืนและเนียนเรียบกว่าการใช้นิ้วเกลี่ย
• หลักง่ายๆ ในการปัดแก้มให้ดูมีเลือดฝาดเป็นธรรมชาติ คือลากเส้นตรงจากตาดำลงมา แล้วลากเส้นจากฐานจมูกมาบรรจบกัน จากจุดนี้ให้ปัดบลัชออนไล่จากอ่อนไปหาเข้ม เรื่อยขึ้นไปตามโหนกแก้ม สำหรับคนที่มีเนื้อแก้มเยอะ ให้เน้นปัดสีเข้มใต้กระดูก ใบหน้าจะดูเล็กลง
• สิ่งสำคัญที่สุดในการแต่งหน้า คือต้องมีความตั้งใจจริง และให้เวลาในการแต่งหน้าอย่างเต็มที่ อย่าคิดว่าการแต่งหน้าคือการทาแค่แป้งและปากเท่านั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=staralbum&month=13-12-2008&group=9&gblog=1 , MTI

14.12.51

# แต่งตัวให้มีเสน่ห์..

เสื้อผ้าที่สวยงามเหมาะสมกับวัย
ผ้าที่ตัดไม่จำเป็นจะต้องเป็นผ้าที่มีราคาแพงเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดความฟุ่มเฟือยโดยไม่จำเป็น ให้มองดูจากแบบเสื้อหลาย ๆ แบบ ควรเลือกแบบเหมาะสมตามโอกาสที่จะใช้ด้วยค่ะ.
การเลือกผ้าที่มีเนื้อนุ่ม
เมื่อสวมใส่ไม่คายตัว ผ้าไม่ยับยู่ยี่ง่าย ไม่ร้อนระอุ เป็นผ้าดอกมีลวดลาย หรือ สีอ่อน ๆ เรียบ ๆ บางเบาน่าสัมผัส อาจจะเป็นผ้าไนล่อน แพร หรือซาติน จะต้องตัดในแบบที่เลือก ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวคุณเอง บางชุดก็อาจจะเป็นผ้าใยสังเคราะห์ ผ้าจอร์เจีย หรือผ้าไหม
เสื้อผ้าที่กำลังอยู่ในความนิยม และ จะต้องเป็นไปตามธรรมชาติ
ผ้าบางเบาอ่อนนุ่ม เส้นรอบนอกมองดูแล้ว ทำให้เกิดความเบาสบายสำหรับผู้สวมใส่
กระโปรงที่ดูแล้วน่ารัก
กระโปรงจับรูดรอบเอว หรือ จีบเป็นเกล็ด แบบเรียบและง่าย มีลายปักหรือแต่งตัวด้วยผ้าลูกไม้ มองดูเป็นผู้หญิงที่น่ารัก
ก่อนที่คุณจะตัดหรือซื้อเสื้อผ้า
ควรพิจารณาให้รอบคอบทั้งผ้าที่ตัด รวมทั้งแบบและโครงร่างของเสื้อว่า เหมาะสม และ มีเสน่ห์น่ารักกับคุณเพียงไร เพราะ ชุดหนึ่ง เมื่อตัดแล้วมีราคาแพง อย่างน้อยคุณก็ควรจะใช้ประโยชน์ให้คุ้มค่านะคะ
ไม่เพียงแต่จะสวยอย่างผู้หญิงเท่านั้น แต่ต้องการที่จะให้สวยสง่าสมฐานะ จะต้องมีการประดับประดาให้มองดูมีเสน่ห์ ชวนมองอยู่เสมอด้วยนะคะ วันแห่งความรัก นี้ ให้ทุกท่านมีความสุขสดชื่น กับคนรู้ใจ และ มีความรักที่ยาวนานตลอดไปนะคะ

# เคล็ดลับแต่งตัวพรางส่วนเกิน

ถึงแม้เราจะไม่ได้เกิดมามีหุ่นเพอร์เฟค เหมือนอย่างลูกเกด ก็อย่าน้อยใจในโชคชะตาไปเลย บางคนอาจ จะขาใหญ่ไปนิด สะโพกบึ๊บบั๊บไปหน่อย เลิกกังวลกับปัญหารูปร่างที่ไม่ได้สัดส่วนได้แล้ว เพราะผู้หญิงสวยและฉลาด ไม่จำเป็นต้องมานั่งลดความอ้วนให้ยุ่งยาก ถ้าหากคุณรู้จักการแต่งตัวพรางส่วนเกินให้ถูกวิธี สาวสะโพกใหญ่
กางเกงสีดำทรงพอดีตัว ไม่คับหรือหลวมเกินเหมาะมาก
เลือกหากระโปรงทรงเอไว้ใส่สะโพกจะดูเล็ก และพรางได้ดี แต่อยากใส่กระโปรงสอบควรเลือกที่พอดีไม่คับหรือหลวมเกิน และมีดีไซน์ที่ชายกระโปรงจะดึงจุดสนใจไปจากสะโพก
อย่าเลือกกางเกงที่มีเข็มขัดเพราะจะทำให้สะโพกดูกว้างมโหฬาร
ไม่ควรเลือกกางเกงหรือกระโปรงที่มีการตกแต่งที่เอว หรือสะโพก หรือมีสีอ่อนกว่าเสื้อเด็ดขาด
อย่าเลือกซื้อกางเกงหรือกระโปรงที่ใช้ผ้าหนาๆ เพราะจะทำให้สะโพกดูหนาปึ้กตามไปด้วย หรือผ้าแนบเนื้อกินไปก็ไม่ดี เพราะจะเห็นสะโพกใหญ่มหึมาชัดเจน
เลือกเสื้อแบบที่มีความยาวปิดช่วงสะโพกจะช่วยได้มากสาวไหล่ใหญ่
ใส่เสื้อที่เป็นคอวีเพื่อให้ดูไหล่แคบลง หรือ เสื้อที่มีไหล่ตามยาว เพื่อให้ดูไหล่ไม่กว้าง
หาอะไรกุ๊กกิ๊กมามีตกแต่งที่คอเสื้อเพิ่มเติม เช่น ผ้าพันคอหรือสร้อย นอกจากจะช่วยให้ไหล่ดูเล็กลง ยังดึงความสนใจจากไหล่ไปที่ผ้าแทนอีกด้วย
พยายามเลือกกางเกงหรือกระโปรงสีอ่อน แล้วใส่คู่กับเสื้อสีเข้มไหล่จะเล็กลงได้ดังใจ
อย่าใส่เสื้อผ้าที่เปิดเผยไหล่จนหมดเปลือก และไม่ใส่เสื้อแบบหลวมๆ หรือเสื้อที่มีฟองน้ำหนุนไหล่ จะยิ่งทำให้ไหล่หนาจนน่าเกลียด
อย่าใส่ช่วงบนเป็นสีอ่อนเด็ดขาด และที่สำคัญมากคือ ไม่ควรใส่เสื้อลายขวางเลยสาวขาใหญ่
กางเกงสีดำทรงตรงตัวหลวม หรือกางเกงขาบานสีเข้มจะช่วยไม่ให้เห็นสัดส่วนของขาชัด หรือเลือกใส่ลายตามยาวสีเข้มๆ ก็ช่วยให้ดูขายาวแลเล็กลงได้
อย่าเลือกซื้อกางเกงสีอ่อนหรือกางเกงที่คับจนเห็นขาทั้งแท่ง เช่น กางเกงยีนผ้ายืด เพราะจะทำให้เน้นช่วงขาดูใหญ่ โดยเฉพาะต้นขา
เลือกใส่เสื้อสีอ่อน กับกางเกง หรือกระโปรงสีเข้มจะเหมาะมาก และถ้าจะให้ดีหาเสื้อแบบสายเดี่ยวเสียวหลุด หรือแขนกุดมาใส่เพื่อคนรอบข้างจะได้สนใจแต่ช่วงบนลืมช่วงล่างไปเลย
ใส่กระโปรงยาวทรงเปิดช่วงล่างไปเลยเพื่อตัดปัญหา แต่อย่าใส่กระโปรงที่ผ่าสูงจนเกินไป เดี๋ยวชาวบ้านจะตกใจนึกว่าท่อนอะไรแว๊บๆ

6.12.51

# ภาพกับบุคลิกภาพของคุณ..

"ภาพลักษณ์" (IMAGE) หมายถึง สิ่งที่ปรากฏขึ้น ,รูปแบบ, ภาพ,รูปภาพ ,รูปจำลอง"บุคลิกภาพ" หมายถึง สภาพเฉพาะตัวบุคคลหรือนิสัยเฉพาะตัวบุคคลดังนั้น "ภาพลักษณ์กับบุคลิกภาพ " ก็หมายถึง สิ่งที่ปรากฏขึ้นตามสภาพเฉพาะตัวของบุคคล

ทุกวันนี้คนเรามักจะพยายามลืมสิ่งที่ปรากฏขึ้น ตามสภาพเฉพาะตัวบุคคลกันไป ก็เลยทำให้เกิดปัญหาในเรื่องการมีภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดีไป เพราะว่าส่วนใหญ่มักจะมองข้ามความสำคัญของตัวเองไป
โดยเปรียบเสมือนคำที่ว่าเส้นผมบังภูเขาก็คือ คนเรามักจะมองอะไรเกี่ยวกับตัวเองไม่เห็นแต่จะสามารถมองคนอื่นได้เห็นเด่นชัดกว่า ดัง นั้นทุกวันนี้เลยมีการปรับ "ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ" กันตามบุคคลที่ตนชื่นชมหรือตามศิลปินที่ตนเองหรือสังคมชื่นชอบ ก็เลยทำให้ก ลายเป็นบุคคลที่มีภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ ไม่แน่นอน เพราะคนเราไทยเราโดยส่วนใหญ่มักใช้การ "เลียนแบบ"แต่ไม่ได้ใช้การ "เรียนรู้" อาศัยการเลียนแบบจากบุคคลรอบข้าง อาศัยการเลียนแบบจากโฆษณา อาศัยการเรียนแบบบอกต่อกันมา แต่ไม่ได้มีการ "เรียนรู้" การเรียนรู้ในที่นี้ผู้เขียนหมายถึง เรียนรู้จักตัวเอง

เอาล่ะครับไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว เราลองมาทำการเรียนรู้ ทำความรู้จักกับตัวเองก่อนเป็นไร เพราะผู้เขียนมั่นใจเหลือเกินกว่ามีผู้อ่านอีกหลา ยท่านที่ยังไม่ได้รู้จักกับตัวเองเลยแม้ว่าจะใช้เวลานานนับสิบปีแล้วก็ตาม บางท่านยังคงรอคอยบุญพาวาสนาส่ง รอให้ขาวกว่านี้อีกหน่อย ,คอยให้สูงกว่านี้อีกนิด คิดว่าหากสาวกว่านี้ ก็คงจะดีไม่น้อย คงจะมี "ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพ" ที่ดีกว่าที่เป็น แล้วทำไมเล่าท่านไม่หัน มายึดเอา "บุคลิกภาพ"หรือ สภาพเฉพาะตัวบุคคลของท่านมาปรับเพื่อสร้างให้มี "ภาพลักษณ์"ที่ดี กันซะตั้งแต่วันนี้ (ที่ได้ทำความรู้จักตัวเอง)เอาล่ะครับมาลองทำความเข้าใจตัวเองกันดูดีกว่านะครับ

คนเราทุกคนเกิดมา ไม่ว่าจะชาติใดภาษาใดก็ตามร่างกายคนเรานั้นจะต้องประกอบด้วย เซลล์ เลือดเนื้อ กระดูกและผิวหนัง(นี่อย่างง่า ยๆนะครับคงไม่ต้องอธิบายกันลึกซึ้งเหมือนเรียนแพทย์) ก็อย่างที่ง่ายและชัดเจนก็คือ "รูปร่าง" มีศีรษะมีเส้นผม มีอวัยวะครบเอาเป็นว่า ละไว้ในที่เข้าใจแล้วกันนะครับ เมื่อเรามีรูปร่าง แล้วเคยสังเกตหรือไม่ว่า ทำไมรูปร่างของเราถึงต่างกัน สูงเตี้ยดำขาวอ้วนผอมต่างกัน และผู้อ่านหลายต่อหลายท่านก็ไม่ยอมที่จะภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ต่อแต่นี้ไปก็ขอให้หันมาทำความเข้าใจกันใหม่นะครับว่า คนเราทุก คนนั้น "สามารถดูดีได้หากเรารู้จักตัวเองดี"หรือสามารถนำเอาบุคลิคภาพนั้นมาสร้างเป็นภาพลักษณ์ที่ดีได้อย่างง่ายดาย"

เคล็ดลับการมี "ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ดี"นั้น ก็มีปัจจัยที่สำคัญที่สุดก็คือ
"สี" (COLOUR) ทำไมคนเรามีสีผมสีผิว สีดวงตาที่แตกต่างกัน ทำไมเราสวมเสื้อผ้าบางสีแล้วช่วยทำให้เราดูดี แต่บางสีทำไมท ำให้เรารู้สึกดูดีน้อยลงไปกว่าคนอื่นเค๊าใช้ บางครั้งเราสวมเสื้อผ้าบางสีรู้สึกเหมือนคนรอบข้างจะให้ความชื่นชมและความอบอุ่นเป็นกันเ องมากแต่บางสีทำให้เราดูหม่นดูหมองดูเครียดดูเหมือนไม่สบาย ดังนั้นคนไทยเราจึงมักจะพูดกันติดปากเสมอว่า "คน(ผิว)ขาวสว มใส่เสื้อผ้าสีอะไรก็ได้" ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกันมานานนับสิบๆปี ดังนั้นจึงทำให้ผู้หญิงไทยหลายๆๆๆๆต่อหลายคนที่มีสีผิว ที่สวยเป็นสีผิวสีน้ำผึ้งจึงดูไม่ชื่นชมในสีผิวที่แสนสวยที่ตนเองมีอยู่เลย เพราะความเชื่อที่ว่า "สาวที่สีผิวสีแทนนั้นจะต้องมาจากครอบครัว ที่ลำบาก" ก็จึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดูเหมือน(ขอใช้คำว่าดูเหมือน)คนสีผิวขาวสดใส ยอมทำทุกอย่างเพื่อจะให้สีผิวตัวเอง ด ูเหมือนขาวขึ้นจึงมีผลิตภัณฑ์ ที่เรียกกันว่า Whitening เกิดขึ้นมา และมีวิธีที่จะเอาใจคนที่สีผิวสีเข้มให้ดูเหมือนสีผิวใสขึ้นกว่าที่เป็นอ อกมาอีกหลากหลายวิธี ทั้งเจ็บตัวแถมเจ็บใจ(ภายหลัง)ก็มี เพราะสาเหตุอะไรล่ะครับ ก็เพราะความที่ไม่ได้เรียนรู้จักตัวเองหรือไม่เรียนรู้จัก ภาพลักษณ์และบุคลิกภาพที่ตัวเองมีนั่นเอง

คนเราทุกคนสามารถเลือกใช้ "สี" ทุกสีได้แต่ต้องคำนึงถึง ความเข้มของสีที่เหมาะสมกับสีผิวของตนเองเป็นสำคัญ ท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่า "สีทุกสี มีความสำคัญในตัวเองทุกสี
คนเราทุกคนก็มีความสำคัญในตัวเองเช่นกัน ดังนั้นหากเราสามารถนำเอาความสำคัญของคน กับเอาความสำคัญของสีมาผนวกรวมกันใ ห้เกิดความกลมกลืนได้ก็จะทำให้คนๆนั้นก้าวสู่ความสำเร็จไปแล้วครึ่งนึง ดังคำพูดที่ว่า "เลือกสีให้เหมาะสมกับคน" เราก็จะได้ "คนที่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่การงาน"
สีสามารถสร้างความน่าเชื่อถือให้เกิดขึ้นกับผู้พบเห็นได้ หากท่านผู้อ่านอยู่ในตำแหน่งหน้าที่การงานที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์ให้เกิดความน่าไว้วางใจ ความเข้มของสีจะสามารถช่วยท่านได้มากทีเดียว
สีสามารถสร้างความเป็นกันเองให้กับผู้พบเห็นได้ หากท่านผู้อ่านทำงานที่ต้องติดต่อพบปะกับผู้คนเยอะๆความสว่างสดใสของสี ก็สามารถช่วยทำให้เกิดความรู้สึกได้อย่างน่าอัศจรรย์เชียวนะจะบอกให้
สี สามารถสร้างความเสมอภาคทางความรู้สึกให้เกิดกับผู้พบเห็นได้ หากท่านผู้อ่านต้องการที่ไม่ให้เกิดช่องว่างระหว่างความรู้สึกของตั วท่านกับผู้พบเห็น ความเข้มของสีความสว่างสดใสของสีที่ได้รับการเพิ่ม และลดลงจะช่วยทำให้ความรู้สึกที่ไม่ข่ม หรือไม่โดนข่มก็จะเกิดขึ้นกับผู้พบเห็นเช่นกัน ความเสมอภาคทางด้านความรู้สึกก็จะไม่มีช่องว่างเกิดขึ้น

ท่านผู้อ่านเชื่อรึไม่ว่า คนไทยจำนวนมากที่เข้าใจเรื่องโทนสีไม่ถูกต้อง เราจะเคยได้ยินว่าโทนสีในศิลปะนั้นมีสองวรรณะหรือว่าสองโทนสี คือ วรรณะร้อน (WARM) และสีวรรณะเย็น (COOL) และสีจะเริ่มจากแม่สีสามสี คือสีเหลือง สีแดง และสีน้ำเงิน และหากจ ะถามว่าแม่สี สีไหนที่เป็นตัวแทนโทนสีวรรณะร้อนเกือบร้อยคน(ไทย)มักจะตอบว่าสีแดง นี่คือสิ่งที่ผมเจอกับผู้ที่เข้ามาขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการค้นหาสีเฉพาะตัวเอง

ความจริงแล้ว ตัวแทน- ของโทนสีร้อน(WARM) หรือสีวรรณร้อนนั้นคือสีเหลือง(Yellow)
เพราะสีเหลืองจะทำให้สีทุกสีนั้นสว่างสดใสขึ้น เพราะฉะนั้นสีทุกสีนั้นสามารถเป็นโทนสีร้อนได้หากสีเหล่านั้นถูกผสมด้วยสีเหลืองใน อัตราส่วนที่เยอะกว่าซึ่งปัญหาเหล่านี้ผู้อ่านที่เป็นคนไทยน้อยคนจะให้ความสนใจดังนั้นปัจจุบันนี้ไม่ได้แล้วนะครับเราต้องเรียนรู้ทุกๆอย่ าง เพราะโลกเราแคบลงทุกวันแม้ว่าจะมีการพัฒนาก้าวไกลไปแค่ไหนก็ตามแต่หากเรายังไม่รู้จักการเรียนรู้ตัวเองให้เข้าใจแล้วล่ะก็ ก็คงไ ม่มีประโยชน์เพราะคงไม่สามารถทำอะไรได้ดีจนประสบความสำเร็จเพราะในเมื่อเรายังไม่รู้จักตัวเอง แล้วเราจะไปทำอะไรให้ได้ดีได้อย่างไรใช่ไหมครับ

ตัวแทนของโทนสีเย็น(COOL) ก็คือ น้ำเงิน(ฺBLUE) เพราะสีน้ำเงินจะทำให้สีทุกสีดูเย็นตา,นุ่มตาสบายตาขึ้น และสีทุกสีก็สามารถเ ป็นสีเย็นได้เช่นกันหากสีเหล่านั้นถูกผสมด้วยสีน้ำเงินในอัตราส่วนที่เยอะกว่า ดังนั้นไม่มีการจำกัดว่าสีร้อนมีสีอะไรบ้างหรือสีเย็นมีสีอ ะไรบ้าง เพราะจะดูแตกต่างกันจากความสว่างสดใสขึ้นกับความเย็นตาหรือสบายตานุ่มตา และท่านผู้อ่านเชื่อหรือไม่ว่าคนเรานั้นก็ส ามารถจัดอยู่ในโทนร้อนและบางท่านก็อยู่ในโทนเย็น และหากผู้เขียนจะพูดว่าคนเราจะต้องจัดอยู่ในหนึ่งกลุ่มโทนสี ท่านผู้อ่านจะเชื่อห รือไม่และหากผู้เขียนจะพูดต่อไปอีกว่าบางท่านก็สามารถมีทั้งโทนร้อนและทั้งโทนเย็น ผมว่าท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะเกิดอาการเอาคิ้วผูกโบว์กันแล้วเป็นแน่ ไม่ต้องสงสัยเลยครับ
ท่านผู้อ่านลองย้อนนึกไปถึงกลุ่มเพื่อนๆหรือคนที่เรารู้จักกันสักนิด ว่าคนบางคนเราดูแล้วรู้สึกถูกชะตา(กรรม)เสียนี่กระไร อยากพูดอยา กคุยด้วยและเมื่อได้รู้จักแล้วก็รู้สึกจะเล่าอยากบอกอยากระบายความในใจให้เค๊าฟัง เพราะรู้สึกว่าเค๊าเป็นคนที่ไม่มีอะไรช่างดูอบอุ่นเสียนี่กระไร
แต่กับเพื่อนหรือคนที่เรารู้จักบางคนเจอหน้ากันครั้งแรกก็รู้สึกว่าช่างไม่ถูกชะตาเสียนี่กระไร ทั้งๆที่เค๊าเองก็ไม่ได้ทำอะไรให้ซักกะนิด ก็สามารถพิชิตต่อมหมั่นไส้ของเราได้แล้ว
ไม่ใช่อะไรหรอกครับทั้งหมดนั่นเกิดจากอิทธิพลของโทนสีนั่นเอง บางคนที่ไปไหนมาไหนแล้วมีคนรักใคร่ เอ็นดู ก็มาด้วยอิทธิพลของส ีแห่งความอบอุ่น ซึ่งคนกลุ่มนี้จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การประเภทงานที่ต้องพบปะผู้คนเยอะๆอย่างงานการโรงแรมการประชาสั มพันธ์และงานอื่นๆที่ต้องเจอคนนั่นแหละอย่าอย่าเพิ่งเถียงนะครับว่างานทุกงานน่ะก็ต้องเจอคนแหละ แหมถึงเจอคนก็จริงแต่ท่านลอ งนึกตรึกตรองดูซะหน่อยเป็นไรว่า บางครั้งในสถานที่ทำงานที่มีกลุ่มคนหรือผู้ร่วมงานกันไม่มากมาย ก็มีคนบางคนรู้จักกันไม่ทั่วถึงยังมีเลยบอกแล้วไงไม่เชื่ออย่าลบหลู่
บางคนที่มีความสามารถพิเศษ คือการใช้หน้าตาและตัวเองเป็นอาวุธ คือไม่ต้องพูดอะไรเลย แค่ปรากฏกายก็สามารถทำให้เหล่าสหายพ่ ายกระเจิงแตกฮือกันไปแล้ว(อันนี่เว่อร์นะครับหากมีบุตรหลานอ่านอยู่ด้วยก็ขอให้ใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยขอบคุณ)
ก็แบบยังไม่ต้องทันพูดคุยกันก็สามารถขยับต่อมหมั่นไส้ได้แล้วอย่างที่กล่าวไปแล้วนั่นแหละ อย่างที่คนโบราณหรือคนไทยสมัยก่อน มักจะพูดเสมอว่าศรศิลป์ไม่กินกัน คนกลุ่มนี้ก็เกิดจากสีที่อยู่ในกลุ่มโทนเย็นนั่นเองเช่นกัน
อ้าวอ้าวอ้าว ท่านผู้อ่านบางท่านก็คงนึกแย้งในใจว่าแล้ว เมื่อตะกี้ที่พูดว่าบางคนก็มีทั้งโทนร้อน และโทนเย็นอยู่ในตัวคนคนเดียวแล้วเจ้ าอาการที่เกิดเนี่ยะจะเป็นเช่นไรฤา แล้วมีโรคแทรกซ้อนรึปล่าว อันนี้ผู้เขียนขอบอกว่าไม่มีอาการแทรกซ้อน แต่จะมีอาการสับสนกับตัวเ องเล็กน้อย แบบบางทีตัวเองก็ยังไม่ทราบเหมือนกว่า อันตัวข้าฯ เองนั้นต้องการอะไรกันแน่ ก็เกิดอาการงงครับท่านผู้อ่าน เอาล่ะท่าน ผู้อ่านท่านใดทีมีอาการแทรกซ้อนเช่นนี้ก็พึงทำความใจซักนิดว่า ท่านกำลังมีอาการต่อสู้กันระหว่างโทนร้อนและโทนเย็นภายในตัวท่านแล้ว
อย่างที่เพื่อนผู้อ่านมักจะชอบพูดเสมอว่าวันนี้นางเอกหรือนางร้ายเข้าประทับ ก็คอยดูทิศทางลมของเจ้าหล่อนให้ดี ท่านผู้อ่านท่านใด ที่เคยมีอาการเวลาชอบใครใครในที่นี้หมายถึงเพื่อนหรือหนุ่มหรือสาว คนที่ใจท่านจะคิดว่าพิเศษว่าคนขึ้นจั๊กหน่อยนึงก็อาจเป็นได้เราไ ม่ว่ากัน ตอนที่เรารู้สึกชื่นชมก็จะติดต่อไปหาเค๊าไม่ขาดโทรฯหาปรึกษาพูดคุยกันวันไม่เว้น แต่บางครั้งก็เกิดอาการเจ(รู้สึกจำเจ) เค๊าโท รฯมาหาก็ไม่ยอมรับสายแถมบอกว่าไม่อยู่ซะอีก ซึ่งบางครั้งตัวเองก็แสนงงกับความรู้สึกตัวเองเช่นกัน

เอาล่ะครับก็เรื่องของสี ที่มาสร้างให้เกิดภาพลักษณ์ ก็คงจะพอเริ่มสังเกตกันได้อยู่บ้างนะครับ ขึ้นชื่อว่า "ภาพ"จะสวยหรือไม่ก็อยู่ที่กา รใช้"สี" เลือกสีได้เหมาะสมกับภาพนั้นหรือไม่ ดังนั้นท่านผู้อ่านก็ควรที่จะเรียนรู้การเลือก "สี" มาใช้ให้เกิดความเหมาะสมกับตัวเองเช่ นกันจึงจะทำให้ท่านมี "ภาพลักษณ์" ที่แสนสวยงามและดูเป็นภาพที่มีราคา ควรค่าแห่งการเลือกใช้อ้าวไปกันได้ไงนี่และรูปร่างของค นเรานั้น ก็มีอีกอย่างที่ประกอบขึ้นมาควบคู่และสำคัญไม่น้อยกว่าเรื่อง "สี" ก็คือรูปแบบหรือว่า STYLE

ท่านผู้อ่านเคยสงสัยรึไม่ว่าทำไมคนเราบางคนมีเส้นผมที่ตรง บางคนมีเส้นผมที่หยักศก หรืออาจจะถึงหยิกหยอง บางคนทำไมมีรูปหน้ารู ปกลมมน แต่บางคนทำไมมีรูปหน้าเป็นเหลี่ยมๆ ทำไมผู้หญิงบางคนมีหน้าอกเล็กเอวใหญ่สะโพกแฟบ แต่บางคนมีรูปร่างที่มีหน้าอกอันตระหง่าน เอวคอด สะโพกผายกลมกลึง หรือบางคนก็มีหน้าอกเล็กแต่กลับมีสะโพกใหญ่หน้าขาใหญ่
เอาล่ะครับ เราลองมาดูซิครับว่าเกิดจากสาเหตุอะไรกัน ทั้งนี้สิ่งที่เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก็คือ "เส้น" (LINE) ภาพที่ ดีที่สวยงามนั้น ต้องประกอบด้วยเส้นและสีที่สวยงาม และลงตัวกันได้อย่างกลมกลืน

สมัยก่อนคนไทยเรามักจะเชื่อเรื่องบุญธรรมกรรมแต่ง และคนที่จะเป็นคนที่ได้รับความประทับใจจากผู้พบเห็นได้จะต้องมีรูปแบบที่คนไ ทยได้จัดวางไว้ อย่างเช่นไก่ที่สวยก็ต้องมีลักษณะเช่นไรบ้าง ผู้ชายจะหล่อต้องประกอบด้วยอะไรบ้างผู้หญิงจะสวยก็จะต้องประกอบขึ้นด้วย…

ผิวพรรณงดงาม(สีผิว) ผมเข้มดำขลับราวกับขนกาน้ำ(สีผม) คิ้วดำเข้ม ดวงตากลมโตสีดำ(สีดวงตา) รูปร่างจะต้องหน้าอกสวยงามรา วกับช่างปั้นแต่งขึ้นมา เอวคอด สะโพกกลมกลึง ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็เกิดจากเส้น(LINE) ของรูปร่าง นั่นเป็นสิ่งที่แค่ถูกจำกัดขึ้นมาแล้วบอก ต่อกันมาสืบทอดกันหลายชั่วอายุของคน ก็ไม่ว่ากันเพราะนั่นคือคุณสมบัติที่ดีของ "คนสวย" แต่ปัจจุบันนี้ มีคำนิยามออกมาใหม่ว่า "คน ดูดี" ได้นั้นไม่ต้องอาศัยความสวยหรือความหล่อ บางครั้งคนที่สวยหรือคนที่หล่อนั้นจะอาจจะดูไม่ดีก็ได้ หากขาดความเข้าใจในการเรียนรู้จักตัวเอง

"คนที่มีภาพลักษณ์และบุคลิกดี " คือคนที่สามารถเลือกใช้และสามารถควบคุม โทนสีและรูปแบบ ได้ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า นั่นต่างหา กจึงได้รับความชื่นชมจากผู้พบเห็น เรามักจะได้ยินบ่อยๆว่าเค๊าไม่ใช่คนสวยหรือคนหล่อนะแต่ทำไมเค๊าดูดี๊ดี นี่ไง สิ่งที่เป็นคำตอบอยู่ตรงนี้แล้ว
เส้น (LINE) สามารถเป็นสิ่งกำหนดให้คนเรานั้นเป็นไปในทิศทางที่จะเป็นคนดูหล่อหรือสวยงาม หรือเป็นคนที่ดูดี บางคนเกิดมาเพื่อบ่ งบอกลักษณะความเป็นผู้หญิงได้ชัดเจนก็เกิดจาก "เส้นที่เป็นเส้นโค้ง" ดังนั้น จึงดูแล้วอ่อนหวาน ซึ่งคนไทยมักจะชื่นชมกับสิ่งที่อ่อนช้อ ย ก็จะชื่นชมผู้หญิงที่มีลักษณะที่ประกอบด้วยเส้นโค้ง แต่สำหรับสาวที่เกิดมาแล้วมีส่วนประกอบด้วย"เส้นตรง"ก็มักจะน้อยอกน้อยใจและ ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้มีการทำศัลยกรรมกันมากขึ้น ก็ยิ่งใช้ความพยายามปรุงแต่งปั้นเสริมกันโดยไม่ได้คำนึงถึงความสำคัญของตัวเองและไม่พยายามที่จะเรียนรู้จักตนเองทำให้เกิดปัญหา ขึ้นหน้าหนึ่งกันทางหนังสือพิมพ์บ่อยๆ

ลองมาทำความเข้าใจกันดีกว่า ว่าหากคุณเกิดมาแล้วประกอบขึ้นด้วย " เส้น" ซึ่งเส้นก็จะดูแตกต่างกันแล้วเราจะไปในทิศทางใดที่จะท ำให้เราเป็นคนที่ได้รับความชื่นชมจากผู้พบเห็นสาวที่เกิดขึ้นมาแล้วประกอบด้วย "เส้นตรง" เช่นเส้นผมก็เหยียดตรง รูปหน้าก็เป็นรูปเห ลี่ยมเห็นเด่นชัด หน้าอก,เอวสะโพกก็แทบจะตรงเป็นเส้นตรง หรือประเภทที่มักจะเรียกกันว่าเทพีวัดทับกระดาน หรือเทพีวัดเรียบห้าปี ซ้อนท่านก็จงภูมิใจและทำใจเถอะครับท่านเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด เพราะเป็นผู้หญิงที่มีภาพลักษณ์และบุคลิกที่เป็นผู้หญิงที่ดูเท่ทันส มัย ก็มองข้ามเรื่องความหวานแหววไปได้เลยครับ และเรื่องความคิดทำศัลยกรรมหน้าอกหน้าใจก็จะดูไม่เหมาะสม(อย่างยิ่ง)

คุณลองเลือกทรงผมที่โชว์ความเหยียดเป็นเส้นตรงของคุณให้ดูน่าสนใจและที่สำคัญก็คือ เลี่ยงทรงผมที่เป็นทรงยาวเกินไปเพราะจะเป็ นการเน้นให้เห็นถึงเส้นของรูปหน้าชัดเกินไป ก็เลือกทรงผมที่เป็นทรงสั้นๆเท่ๆจะดีกว่า ลืมไปเถอะว่าคำพูดของคุณแม่ที่เคยสั่งสมกันม านานที่ว่า "อีหนูเอ๋ยจงไว้ผมยาวนะเพราะผู้ชายไทยชอบผู้หญิงผมยาว" สมัยนี้น่ะผู้ชายไทยชอบผู้หญิงที่เก่ง และสามารถหาเลี้ยงได้ ต่างหาก สังคมปัจจุบันต้องช่วยกันทำมาหา(เรื่อง)รับประทานกันแล้วครับท่านผู้อ่าน

การมี "ภาพลักษณ์ที่ดีและมีบุคลิกที่ดี"นั้น อยู่ที่ตัวเราเองเป็นสำคัญ ดังนั้นควรที่จะให้ความสำคัญของตัวเองก่อนเป็นหลักจงเป็นอย่างที่ ตัวเองเป็นและเรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้เป็นแล้วยึดตัวเองเป็นหลักปรับทุกอย่างที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับตัวเรา อย่าปรับตัวเราให้เป็นไปตามสิ่งที่เราจะนำเข้ามาใช้


โดยอาจารย์โสภาส ณ ตะกั่วทุ่ง sopas@colour-n-stylecom

# สวยแบบประหยัดอย่างเรา..


ตามสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยเราในปัจจุบันนี้ คุณผู้หญิงทั้งหลายก็เข้าใจกันดีว่า ทุกคนนั้นจะต้องร่วมใจกันประหยัด และทุกคนก็ท่องจำกันแบบขึ้นใจเลยทีเดียว เรื่องการประหยัด แต่บางท่านหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่า "การประหยัดแท้จริง"นั้นเป็นอย่างไร

ผู้หญิงกับความสวย เป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ เป็นที่ทราบกันมานานแล้ว และสตรีบางนางก็คิดว่า "การดูแลตัวเองให้ดูดี" นั้นเป็น "การฟุ่มเฟือย" นั่นเป็นสิ่งที่เราต่างพบเห็นกันได้ในสมัยก่อน

สำหรับปัจจุบัน "การดูแลตัวเองให้ดูดี" นั้น เป็นสิ่งที่จะ "ช่วยประหยัด" ได้อย่างมากทีเดียว "การมีเสน่ ห์ของสาว" อยู่ที่ "เครื่องนุ่งห่ม" ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่มีความสำคัญต่อชีวิตคน ดังนั้นแม้ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำลงเพียงใดก็ตามเราก็ยังคงต้อง"นุ่งห่มเสื้อผ้า" อยู่ดี

เสื้อผ้า นั้นมีสิ่งที่ควรคำนึงก็คือ "รูปแบบ" หรือสไตล์ และ"สี"ที่เหมาะสมกับคนเราแต่ละคน หากเรา
ไม่รู้จักตัวเองแล้วล่ะก็ จะทำให้เราต้องสิ้นเปลืองเงินทองอย่างมากมายในการซื้อหาสิ่งเหล่านี้มาใช้กับตัวเอง
จนเป็นเรื่องที่เห็นว่า "ฟุ่มเฟือย"อย่างเช่นที่ท่านผู้อ่านเคยเห็นมาแล้วนั่นเอง

"การประหยัด" ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันนี้ ก็คือ "การที่ท่านผู้อ่านจะใช้เม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์ออกไป กับการจับจ่ายใช้สอย ต้องให้ได้มาซึ่งความคุ้มค่ากับการลงทุนไป" ถึงจะช่วยทำให้ประหยัดกันจริงๆ ดังนั้นหากซื้อมาแล้วได้ใช้อย่างทุกชิ้นและทุกชิ้นนั้นดูเป็นการช่วยเสริม "ภาพลักษณ์"ของเราให้ดูดีขึ้นแล้ว ลองเอาจำนวนครั้งที่เราใช้นั้นมาหักลบกับราคาที่ซื้อมาก็จะเป็นการช่วยประหยัดกันได้มากน้อยเพียงใดจะเห็นได้ชัดเจนเลยทีเดียว

สำหรับสาเหตุที่ทำให้สาวๆขาดเสน่ห์ไปแถมให้เกิดการสิ้นเปลืองเงินทองมากมายก็มีสาเหตุกันมาสี่ประการ ซึ่งแต่ละท่านก็มีอยู่อย่างน้อยหนึ่งข้อ หรือบางท่านก็มีทั้งสี่ข้อหลักนี้เลยก็มี ก็ลองอ่านแล้วก็มานั่งนึกตรึก ตรองกันดูนะขอรับเผื่อจะช่วยสะกิดสะเกาให้สาวๆได้ประหยัดกันขึ้นมาได้ ด้วยแรงหวังอย่างสูงสุด

"การสนองความต้องการตัวเอง" เป็นการประการแรกที่คนเราทุกคนนั้นมักจะมีอยู่ในจิตใจยิ่งรวมเข้าด้วยความมั่นใจแบบไร้สติด้วยแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ต้องพูดถึง ชอบที่จะจับจ่ายเงินซื้อหามาเพื่อสนองความชอบ ,ส นองความต้องการ ,สนองความอยากได้ของตัวเอง เป็นสิ่งสำคัญ โดยไม่คำนึงถึง "ความเหมาะสม" ก็จะเกิดอาการซื้อทิ้งซื้อขว้างหรือซื้อเพื่อเผื่อแผ่,ซื้อเพื่อแจกจ่ายกันเป็นว่าเล่นกันไปก็มี

"การตามเพื่อน" อาการนี้มักจะเกิดกับสาวที่เป็นโรค "ขาดความมั่น(ใจ)" จะซื้อหาหรือเลือกหาอะไรก็ตามมักต้อง "ตามเพื่อน" หรือต้องของแรงสนับสนุนจากเพื่อน จึงจะเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง สาวๆ กลุ่มนี้จะ ต้องมีผู้นำ คือต้องทำให้เห็นก่อน หรือไม่อย่างนั้นก็จะต้องการแรงขยั้น(ชมแบบยุ)มากแบบเกินเหตุจากกลุ่มเพื่อน แต่หากมีคนทักว่าไม่ดีก็จะไม่กล้าใช้อีกเลย ซึ่งสาวสมัยนี้ก็ยังมีหลงเหลืออยู่บ้างในปริมาณค่อนข้างมาก

"ชอบของมียี่ห้อ" แม้สภาวะเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ก็ตามก็ยังคงมีสาวกลุ่มนี้อยู่อีกเป็นจำนวนมาก เพราะด้วยสาเหตุหลายๆประการด้วยกัน ไม่ว่าจะแข่งขันกันในกลุ่มที่คบหาสมาคมอยู่ หรือชอบแสดงตัว(อวด)รวย หรือ อาจจะได้รับการปลูกฝังมาจากผู้ปกครองก็มีเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ก็เป็นการใช้เงินที่ค่อนข้างมากกับสินค้าที่มียี่ห้อ แต่บางสินค้าก็มีราคาสูงจริงแต่หากซื้อหามาใช้แล้วทนทานใช้งานได้คุ้มค่าอย่างนี้ ก็ไม่ว่ากันนะขอรับ

"ตามติดแฟชั่น" สาวกลุ่มนี้ล่ะที่เป็นสาวที่ค่อนข้างจะเรียกได้เต็มปากว่า "ฟุ่มเฟือย" เพราะคำว่า"แฟชั่น" คือค่านิยมหรือสิ่งที่นิยมกันในกลุ่มชนกลุ่มหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมกับบุคคล ดังนั้นสาวที่รักจะทำตัวเป็นสาวสมัยใหม่ก็ต้องมี "ปัจจัย"ให้สิ้นเปลืองกันอย่างสบายมือจึงจะดี ที่สุด ดังนั้นก็ต้องไม่หยุดอยู่นิ่ง ต้องวิ่งตามแฟชั่นกันตลอดเวลา ตราบใดที่ยัง "หาตัวเองไม่เจอ"(หาสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเอง)

ปัจจัยทั้งสี่ที่กล่าวมา ก็ล้วนมีอยู่ในตัว,ในใจของคน ทุกคน สุดแท้แต่ใครจะมีมากหรือมีน้อยก็อยู่ตรงที่ สภาพแวดล้อม,การเลี้ยงดู,การปลูกฝัง,การยอมรับความเป็นจริง แต่หากคุณเข้าใจในสิ่งที่ "ตัวเองมีหรือสิ่งที่ตัวเอ งเป็น" ได้เมื่อไหร่ก็จะหมดปัญหาเรื่องที่จะจ่ายเงินออก

ไปอย่างปล่าวประโยชน์ได้มากทีเดียว เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่จะซื้อหามาใช้กับตัวเองต่างก็ได้การเลือกเฟ้นแ ล้วว่าเหมาะสมกับตัวเอง ดังนั้นคำว่า "สิ้นเปลือง"หรือ "ฟุ่มเฟือย"ก็คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนสาวๆก็จะมีเสน่ ห์ อันเป็น "เสน่ห์สาว"ที่มีอยู่ในตัวเองและได้นำออกมาใช้อย่างมีประโยชน์อย่างมหาศาลโดยที่ใครก็ไม่สามารถมาแย่งชิงไปจากตัวคุณได้

"สวย อย่างไรที่จะช่วยให้ประหยัด" ก็มีเคล็ดลับที่นำมาบอกกล่าวในคราวนี้ไง คราวนี้ใครต่อใครก็ "สวย"ด้วย"ประหยัด"ด้วย แถมช่วยประเทศชาติได้อีกต่างหาก


ที่มา : Colour-n-Style โรงเรียน สอนศิลปะการแต่งหน้าและการแต่งกาย

5.12.51

# กินอาหารมื้อละน้อย แต่บ่อยครั้งกันดีกว่า







หลังอาหารมื้อใหญ่ ในท้องเริ่มแน่น นอกจากอาหารแล้วมัน ยังอึดอัดไปด้วยแก๊ส เต็มพุง เรื่องแบบนี้คงต้องเคยเจอกันมาบ้างล่ะ แล้วทราบหรือไม่ว่าเป็นเพราะอะไร
การกินอาหารที่มีไขมันสูง สามารถจะทำให้ปล่อยแก๊สคาร์บอน-ไดออกไซด์ปริมาณมากออกมาได้ การที่มันปล่อย ออกมาเป็นแก๊สนี้ก็เพราะ ว่า คาร์บอนไดออกไซด์ มันเกิดขึ้นในบริเวณลำไส้เล็ก เมื่อมีการปล่อยไบคาร์บอเนตออกมาเพื่อทำให้กรดในกระเพาะและไขมันเป็นกลาง ในระหว่างมื้ออาหาร










ดังนั้น วิธีแก้อย่างง่ายๆก็คือ
- ลองหันมากินอาหารคราวละน้อยๆ แต่ให้ บ่อยครั้งมากขึ้น แทนที่จะกินอาหาร 3 มื้อใหญ่ในหนึ่งวัน ก็จัดการเสริมมื้อเล็กๆ ลงไประหว่างกลาง แต่จะต้องท่องไว้ไม่ให้ลืมว่า “ต้องกินน้อยๆ”
- ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
- ถ้าปัญหาเรื่องแก๊สเต็มพุงและการดูดซึมผิดปกติ ยังคงมีอยู่ อันนี้ก็ต้องไปพบปรึกษาแพทย์จะดีกว่า โดยให้สังเกตสัญญาณบอกเหตุที่ว่ามีการดูดซึมไขมันผิดปกติ ก็คือ มีการท้องร่วง ถ่ายอุจจาระเป็นสีอ่อน





นอกจากนี้ ยังควรต้องทราบไว้ด้วยว่า แก๊สที่มีกลิ่นนั้นมันเกิดจากกระบวนการย่อยอาหาร และการกินอาหารบางอย่างที่ทำให้เกิดแก๊สไม่พึงประสงค์ เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี หัวหอม ดอกกะหล่ำปลี บร็อคโคลี ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแป้งอย่างขนมปัง ผลไม้ก็จำพวก แอปเปิ้ล ลูกพีช ลูกแพร์ ลูกพรุน ข้าวโพด มันฝรั่ง นม ไอศกรีม และชีสนิ่ม





อย่างไรก็ตาม อาการลมเต็มพุง บวมแก๊สแน่นอึดอัดนั้นยังเป็นกลุ่มอาการ ที่อาจเกี่ยวพันกับโรคภัยต่างๆ ได้หลายอย่าง ดังนั้น จึงต้องหมั่นสังเกตสังกาอาการของตนเอง และเข้ารับการปรึกษาจากแพทย์ให้ เหมาะสมต่อไป.

# ดื่มน้ำเพื่อสุขภาพ..ที่ดี












ร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 75% ของน้ำหนักตัว เราอาจจะอดอาหารได้เป็นเดือน ๆ แต่ร่างกายไม่สามารถขาดน้ำได้เกินกว่า 3-7 วัน การดื่มน้ำอย่างถูกต้อง จะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดี หัวใจทำงานปกติ และมีประสิทธิภาพแข็งแรงขึ้น ขณะเดียวกัน การขับถ่ายของเสียก็ทำงานได้ดี ที่สำคัญยังช่วยให้ใบหน้าชุ่มชื่น มีเลือดฝาด และไม่ปวดหลังหรือบั้นเอว เพราะสุขภาพไตแข็งแรง หลักการดื่มน้ำเพื่อสุขภาพไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด สามารถทำง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน โดยน้ำที่เหมาะแก่การดื่มคือ น้ำอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นจัดจนเกินไป ถ้าเป็นน้ำอุ่น ควรดื่มตอนเช้า เพื่อช่วยล้างลำไส้ให้สะอาด และช่วยการขับถ่ายของเสีย ในแต่ละวัน



















เราควรดื่มน้ำทั้งหมด 10 แก้ว โดยตื่นนอนตอนเช้าดื่ม 1 แก้ว ตอนสายดื่มอีก 2 แก้ว ตอนบ่ายและตอนเย็นดื่มครั้งละ 3 แก้ว และก่อนเข้านอนดื่มน้ำอีก 1 แก้ว เพื่อให้น้ำที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่งตกค้างในลำไส้และกระเพาะอาหาร ถ้าเป็นน้ำอุ่นจะช่วยให้หลับสบายขึ้น นอกเหนือจากน้ำเปล่าแล้ว คุณ ๆ สามารถดื่มน้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ไม่จำกัด ข้อควรจำคือ ไม่ควรดื่มน้ำก่อนและหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ เพราะจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจางลง ส่งผลให้การย่อยไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในแต่ละมื้อไม่ควรรับประทานอาหารให้แน่นจนเกินไป ควรทานแค่อิ่มพอดี แล้วรับประทานผลไม้สดเพื่อล้างคอ ก่อนจะจิบน้ำตามนิดหน่อย รับรองสบายท้อง ส่วนการรับประทานอาหารพร้อมกับดื่มน้ำตลอดเวลา เป็นนิสัยที่ควรเลิก ทางที่ดีควรซดน้ำแกงกลั้วคอจะเวิร์กกว่า











ข้อมูลจาก
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

4.12.51

# ฝึกให้สวยและฉลาดในเวลาเดียวกัน







จิบน้ำบ่อย ๆ
สมองประกอบด้วยน้ำ 85 % เชลล์สมองก็เหมือนต้นไม้
ที่ต้องการน้ำหล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ ต้นไม้ก็เห่ยว ถ้าไม่อยากให้เชลล์สมองเหี่ยว ซึ่งส่งผลให้การส่งข้อมูลช้า กลายเป็นคนคิดช้าหรือคิดไม่ค่อยออก แต่ละวันจึงควรดื่มน้ำบ่อย ๆ



กินไขมันดี
คนไม่ค่อยรู้ว่าสมองคือก้อนไขมัน ซึ่งจำเป็นต้องมีไขมันดีไปทดแทนส่วนที่สึกหรอ
แนะนำให้กินไขมันดีระหว่างวัน จำพวกน้ำมันปลา สารสกัดใบแปะก๊วย ปลาที่มีไขมันดีอย่าง ปลาแซลมอน นมถั่วเหลือง วิตามินรวม น้ำมันพริมโรสเป็นน้ำมันดี ที่ทำให้เชลล์ชุ่มน้ำส่วนวิตามินซีกินแล้วสดชื่น


นั่งสมาธิวันละ 12 นาที
หลังจากตื่นนอนแล้ว ให้ตั้งสติและนั่งสมาธิทุกเช้า วันละ 12 นาที เพื่อให้สมองเข้าสู่ช่วงที่มีคลื่น Theta ซึ่งเป็นคลื่นที่ผ่อนคลายสุด ๆทำให้สมองมี Mental Imagery สามารถจินตนาการเห็นภาพและมีความคิดสร้างสรรค์ ถ้าทำไม่ได้ตอนเช้า ให้หัดทำก่อนนอนทุกวัน

ใส่ความตั้งใจ

การตั้งใจในสิ่งใดก็ตาม เหมือนการโปรแกรมสมองว่านี่คือสิ่งที่ต้องเกิด ระหว่างวันสมองจะปรับพฤติกรรมเราให้ไปสู่เป้าหมายนั้นทำให้ประสบความสำเร็จในสิ่งต่าง ๆ เพราะสมองไม่แยกระหว่างสิ่งที ่ทำจริงกับสิ่งที่คิดขึ้น ทั้งสองอย่างจึงเป็นเสมือนสิ่งเดียวกัน

หัวเราะและยิ้มบ่อยๆ
ทุกครั้งที่ยิ้มหรือหัวเราะ จะมีสารเอ็นโดรฟิน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข หลั่งออกมาเท่ากับเป็นการกระตุ้นให้มีความอยากรักและหวังดีต่อคนอื่นไปเรื่อยๆ

เรียนรู้สิ่งใหม่ทุกวัน
สิ่งใหม่ในที่นี้หมายถึง สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น กินอาหารร้านใหม่ ๆ รู้จักเพื่อนใหม่ อ่านหนังสือเล่มใหม่คุยกับเพื่อนร่วมงานและเรียนรู้วิธีการทำงานของเขา เป็นต้น เพราะการเรียนรู้สิ่งใหม่ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นโดรฟินและโดปามีน ซึ่งเป็นสารแห่งการเรียนรู้ กระตุ้นให้อยากเรียนรู้และสร้างสรรค์ ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีความสุขก็ทำให้มีความคิดสร้างสรรค์

ให้อภัยตัวเองทุกวัน

ขณะที่การไม่ให้อภัยตัวเอง โกรธคนอื่น โกรธตัวเอง
ทำให้เปลืองพลังงานสมอง การให้อภัยตัวเอง เป็นการลดภาระของสมอง


เขียนบันทึก Graceful Journal

ฝึกเขียนขอบคุณสิ่งดี ๆ ที่เกิดขึ้นแต่ละวันลงในสมุดบันทึก เช่น ขอบคุณที่มีครอบครัวที่ดี ขอบคุณที่มีสุขภาพที่ดีขอบคุณที่มีอาชีพที่ทำให้มีความสุข เป็นต้น เพราะการเขียนเรื่องดี ๆ ทำให้สมองคิดเชิงบวก พร้อมกับหลั่งสารเคมีที่ดีออกมาช่วยให้หลับฝันดี ตื่นมาทำสมาธิได้ง่าย มีความคิดสร้างสรรค์

ฝึกหายใจลึก ๆ
สมองใช้ออกชิเจน 20 25 % ของออกชิเจนที่เข้าสู่ร่างกาย การฝึกหายใจเข้าลึก ๆ จึงเป็นการส่งพลังงานที่ดีไปยังสมองนั่งหลังตรงเพื่อให้ออกชิเจนเข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น ถ้านั่งทำงานนาน ๆ อาจหาเวลายืนหรือเดินยึดเส้นยืดสายเพื่อให้ปอดขยายใหญ่สามารถหายใจเอาออกชิเจนเข้าปอดได้เพิ่มขึ้นอีก 20 %

การมีสมองที่ดีก็เหมือนทักษะ
ทุกอย่างในโลกที่เรียนรู้ได้
แต่จะเก่งหรือไม่นั้น
ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ถ้าเราดูแลและฝึกฝนสมองให้ดี คุณภาพชีวิตก็จะดีตาม..


ข้อมูล: วนิษา เรซ ผู้เชี่ยวชาญด้านอัจฉริยภาพจาก ม.ฮาร์วาร์ด

3.12.51

# ความสวยงาม และ สุนทรียศาสตร์


มนุษย์ทุกคน..ย่อมรักสวยรักงามกันทั้งน้าน.. เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับความสวยงามกันบ้างหรือเปล่า?..เราลองมาสัมผัสกันให้ลึกซึ้งกันนะคะ..

การจะเข้าใจถึงธรรมชาติและความหมายของความสวยงามนั้น จำเป็นที่จะต้องเข้าใจถึงหลักปรัชญาของ
สุนทรียศาสตร์ ในสุนทรียศาสตร์นั้นมีนักปรัชญาหลายกลุ่ม รวมถึงกลุ่มที่เชื่อว่าความสวยงามนั้นเป็นสิ่งที่ขึ้นอยู่กับผู้รับรู้ (subjective) และอีกกลุ่มที่เชื่อว่าความสวยงามนั้นมีค่าที่เที่ยงแท้ (absolute, objective)

นอกจากนั้นยังมีนักปรัชญาเช่น
โรเบิร์ต ชูมันน์
(Robert Schumann) ที่เป็นทั้งคีตกวีและนักวิจารณ์ ที่มีความเห็นว่าความสวยงามนั้นจัดได้เป็นสองประเภท คือความงามโดยธรรมชาติ และความงามที่เกิดโดยมนุษย์. ความงามที่เกิดโดยธรรมชาติคือการสัมผัสและรับรู้ถึงสิ่งสวยงามที่ปรากฏในธรรมชาติ แต่ความงามที่เกิดโดยมนุษย์คือสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์และเข้าไปเกี่ยวข้องในธรรมชาติ. ชูมันน์ยังบอกอีกว่าในศิลปะ มีความงามทั้งสองชนิดปรากฏอยู่ เพียงแต่ความงามโดยธรรมชาติคือความสุนทรีย์ทางอารมณ์ และความงามที่เกิดโดยมนุษย์คือความเข้าใจในผลงานศิลปะชิ้นนั้น
ข้อมูล: wigipedia

1.12.51

# เคล็ดลับทำชีวิต HaPpY แฮปปี้!.



ต้อนรับปีใหม่ที่จะเข้ามา.. เรามาทำชีวิตให้ HapPy HappY กันดีก่า..
มี 9 เคล็ดลับสุขภาพดีๆมาฝาก นำไปปฏิบัติได้ง่ายๆไม่ซับซ้อน ไม่เสียสตางค์เพิ่ม


1) งีบทุกวัน วันละ 15 นาที จะช่วยให้สมองแล่น มีสมาธิทำงานได้ดีขึ้น
2) ทานอาหารเช้าทุกวัน น้ำหนักจะลดมากกว่าอดอาหาร...เหลือเชื่อ!!
3) ดื่มน้ำเย็นวันละ 4.5 ลิตร น้ำหนักจะลดลงเดือนละครึ่งกิโลกรัม
4) กินกล้วยวันละ 2 ลูก ลดความเสี่ยงเลือดในสมองตีบได้ 20%
5) กินปลาทูน่าและเนื้อสัตว์ ลดอัตราการเกิดโรคหัวใจ 25%
6) ทานวิตามินซี หลังออกกำลังกายหนัก ลดความเสี่ยงเป็นหวัดถึง 50%
7) กินช็อกโกแลตเดือนละ 3 ชิ้น จะอายุยืนขึ้น 1 ปี เพราะช่วยลดคอเลสเทอรอล
8) บ้วนปากทันทีหลังอาหาร ลดแบคทีเรียในช่องปาก 30%
9) กินแอปเปิ้ลวันละ 2 ลูก ลดน้ำหนักได้ปีละ 4.5 กิโลกรัม เพราะเส้นใยในแอปเปิ้ล ช่วยย่อยไขมันและโปรตีน.
แค่นี้..คุณก็ทำได้อยู่แร๋น...นะคะ

ที่มา : นสพ. ไทยรัฐ

30.11.51

# 5 วิธีแปลงกายเป็นสาวหวาน ในชั่วโมงเร่งด่วน







ถ้าพูดถึงความสวย คนอยากสวยก็แค่เดินไปให้หมอศัลยกรรม ทำคิ้วถาวร กรีดตาสองชั้น เหลาคาง รีดไขมัน หรือเลยเถิดถึงขั้นตัดแต่งซี่โครงเพื่อให้เอวคอดกิ่ว... อันนี้ไม่ยากเพราะมันเป็นเรื่องของร่างกายล้วนๆ แต่ถ้าพูดถึงความหวาน คนอยากหวานไม่สามารถเดินไปให้หมอศัลยกรรมทำยิ้มถาวร กรีดแววตาอ่อนโยน หรือยัดซิลิโคนหัวใจแจ่มใส...


อันนี้ยากมาก ยากที่สุด ยากจนถึงขั้นหมอเทวดาก็ทำศัลยกรรมให้ไม่ได้ เพราะมันเป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ


1. ถูกแพงไม่รู้ ขอชมพูไว้ก่อน หน้าใส ผิวผ่อง อมชมพูเรื่อๆ เป็นความสวยแบบธรรมชาติที่มองแล้วเพลินตา เพลินใจ คนที่เข้าข่ายหน้าไม่ให้แต่ใจรัก จึงมักพึ่งเครื่องสำอางปกปิดริ้วรอยหรือเนรมิตแก้มเปล่งปลั่งเกินจริง ไม่ก็แต่งหน้าแต่งตาเข้มราวกับนางแบบแมกกาซีน จนดูเหมือนใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา ในอารมณ์ที่อยากจะเป็นสาวหวาน อย่างแรกเลย ขอแนะนำให้ลอกคราบเครื่องสำอางหนาๆ ออกให้เกลี้ยง จะเป็นรองพื้นอย่างหนา คิ้มสีเข้ม อายชาโดว์เป็นชั้นๆ ที่เปลือกตา บลัชออนที่แดงเป็นไส้ซาลาเปาหรือลิปสติกสีสดเป็นเลือด ฯลฯ ลองเก็บเฉดสีเก่าใส่ลิ้นชัก แล้วเปลี่ยนมาใช้แป้งเด็กเนื้อบางเบา บลัชออนสีชมพูอ่อน กับลิปสติกสีชมพูใสแค่แท่งเดียว หรือจะแถมน้ำยาอุทัยทิพย์แตะแก้มเบาๆ สักนิดก็ยังได้้ถ้ารู้สึกว่าหน้าซีดเป็นน้องไก่ต้มเกินไป มองกระจกดีๆ แล้วจะพบว่าเปลือกเก่าๆ บนใบหน้าถูกกะเทาะออกไปแล้ว ใครคนใหม่กำลังจะเผยโฉมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว


2. ยิ้มจากหัวใจ อย่าเพิ่งขยับไปไหน ยืนอยู่หน้ากระจกนั่นแหละขั้นตอนต่อไปเป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดในโลก ยิ้มสิจ๊ะ.... ยิ้มสบายๆ แบบที่เขาเรียกว่าระบายยิ้มอ่อนๆน่ะ อย่าฉีกยิ้ม อย่าตั้งใจยิ้มกว้างเกินเหตุ และอย่าล็อคสเปกรอยยิ้มอย่างที่เขาเรียกว่ายิ้มค้าง ถ้ายิ้มแบบนี้จะเกิดอาการเมื่อยปากได้ง่ายๆ เดี๋ยวจะพาลขี้เกียจยิ้มไปซะอีก ถามตัวเองง่ายๆ ว่าระหว่างสวยหล่อบาดใจแต่เป็นเสือยิ้มยาก กับคนหน้าตาธรรมดาแต่ยิ้มเก่งชะมัด เราจะส่งยิ้มและเอ่ยปากทักใครก่อนกัน ถ้าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ รอยยิ้มก็คงเป็นเหมือนประตูของหัวใจเช่นกัน ถึงจะยิ้มด้วยกันทั้งคู่แต่ยิ้มที่ปาก เห็นก่อนและชัดเจนกว่ายิ้มที่ตา ว่าแต่ว่าตอนนี้คุณเห็นใครคนใหม่ที่หน้าหวานใสสบายตาชวนมองในกระจกแล้วใช่ไหม


3. ปล่อยผมเป็นอิสระสักวัน หน้าสวยใสยิ้มกระจ่างแล้ว อย่าปล่อยให้ผมแข็งเป็นตังเม ใครที่ชอบใส่ครีมหรือโปะเจลหนาเตอะ วันนี้ตัดใจบอกลาสักวัน แล้วลองปล่อยผมตามธรรมชาติ ถ้าสยายแล้วสลวยก็แทบไม่ต้องจัดการอะไรอีก แต่ถ้าสยายแล้วออกแนวสยอง หรือพองฟูเกินควบคุม ก็แค่รวบผมง่ายๆ จะเปาะเดียวเป็นเปีย ก็แล้วแต่ความสามัคคีของเส้นผม แต่ถ้ายังไม่มั่นใจในตัวเอง จะอาศัยโรลไฟฟ้าแต่งผมลอนอ่อนๆ ก็ไม่ว่ากัน เน้นนะว่า ลอนอ่อนไม่ใช่ลอนเป็นเกลียวแข็งเหมือนสายโทรศัพท์


4. เสื้อผ้าโทนสีอ่อน จะเป็นสาวหวานทั้งตัวทั้งที เสื้อสูทสีเข้ม เสื้อแดงแรงฤทธิ์ ชุดเปรี้ยวเข็ดฟัน หรือเดรสจับจีบแข็งเป็นแพ ถึงจะใส่เป็นประจำ แต่นาทีนี้คงต้องเก็บใส่ตู้ไว้ก่อน เลือกใส่เสื้อโทนสีอ่อนเย็นตา จะขาว ฟ้า ชมพู เขียว เหลือง ก็ขอให้คุมโทนอ่อนๆ เข้าไว้ ไม่ต้องถึงกับอ่อนจนซีด แค่ไม่ให้สีเสื้อแยงตาคนมองรวมถึงแบบเสื้อก็เน้นสไตล์ Casual หรือแบบลำลอง จะลายทาง ลายขวาง หรือลายดอก กติกาเดียวกับการคุมโทนสี คืออย่าเด่นอย่าแรงจนความหวานบนใบหน้าถูกแย่งความสนใจ ในที่นี้ยังไม่รวมไปถึง Accessories ทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ กำไล เข็มขัด กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ ก็น่าจะเลือกแบบที่ไปกันได้กับสไตล์ Casual เช่นกัน ไม่อย่างนั้น 3 ข้อแรกที่ลงมือทำมาก็หมดความหมาย


5. คิดหวาน พูดหวาน จะเป็นสาวหวานทั้งที ต้องหวานทั้งกายและใจ อุตส่าห์แปลงโฉมภายนอกจนเป็นสาวหวานเต็มตัวแล้ว จะให้ครบสูตรต้องหวานไปถึงภายในด้วย จะสวยหวานแค่ไหน ถ้าคุยโขมงด้วยภาษาพ่อขุนรามคำแหงกลางสยามฯ แถมยังสูบบุหรี่ปุ๋ยๆ อีกต่างหาก จะเรียกเต็มปากได้ไงว่าหนูเป็นสาวหวาน ไม่ต้องถึงกับคลานเข่า พูดเจ้าคะเจ้าขา นาทีละ 10ครั้ง ขอแค่พูดเพราะ ไม่สบถ โวยวาย แค่นี้ก็พร้อมออกงานได้แล้ว

ข้อมูลจาก centerpoint

# สาวๆ ทำอย่างไร..ให้เซ็กซี่สมใจ








บทความ เกร็ดความรู้ เคล็ดลับ ข่าว สาวๆ ทำอย่างไร ให้ Sexy เซ็กซี่ สมใจ เพราะความ Sexy เซ็กซี่ สำหรับบางคนก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิดทุกคนไป มนุษย์ส่วนใหญ่จะเซ็กซี่ได้ มักเข้าตำราไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่งต่างหาก อ่าน บทความ เกร็ดความรู้ เคล็ดลับ แต่งตัว ข่าว สาวๆ ทำอย่างไร ให้ Sexy เซ็กซี่ ได้ที่นี่ค่ะ
เป็นเรื่องน่าพิศวงว่าเมื่อไหร่สาวๆ ทำตัวเซ็กซี่ ขึ้นมาละก็ โอ้ย...รู้สึกจะเรียกคะแนนนิยมจากเพศตรงข้ามได้ตะรึม ตึ่ม ตรึมเลยเชียว แถมการทำตัวเซ็กซี่ ไม่ถึงกับต้องสวยหรือน่ารัก ส่วนชายก็ไม่ต้องหล่อลากดิน แต่ถ้าเกิดมามี "หน้าตาดี" ช่วยเสริมด้วยก็ยิ่งแจ๋ว

ทว่า คนที่ไม่สวย, ไม่หล่อ, ไม่งาม หรือไม่คมเข้มชนิดบาดตา แทงใจจนทำให้ใครๆเหลียวหลังแว่บมองได้ ก็อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไปซะก่อน เพราะบางทีหน้าตาไม่โดดเด่น แต่มีอย่างอื่นเด่น...อ่ะฮ้า อย่าเพิ่งคิดเตลิดเปิดเปิง ที่ว่าอย่างอื่นเด่น เช่น หากเป็นชายควรมีเรือนร่างฟิตเปรี้ยะ, มีกล้ามแขน, มีกล้ามหน้าท้อง เรียกว่า พอถอดเสื้อออกแล้วดูดี จน "สาวที่บ้าผู้ชาย" หลงระเริงอยากคว้ามาเป็นแฟนทันที ส่วนผู้หญิงแค่ลองไว้ผมยาวบวกแต่งหน้าเมกอัพให้โฉบเฉี่ยวซะหน่อย แค่นี้ก็เซ็กซี่ได้

แถมใครมีแฟนเป็นคนเซ็กซี่ก็มักภูมิอกภูมิใจตัวเองซะด้วยแฮะ ว่าอุตส่าห์ไปสอยอ่อยเหยื่อจนมีแฟนที่ทำให้คนอื่นตาร้อนผ่าวได้ แหมอย่างกะซื้อลอตเตอรี่แล้วถูกแจ็กพอตยังไงยังงั้นเชียว แม้การมีแฟนหุ่นเซ็กซี่ ทำให้บางทีต้องทำใจบ้างก็เหอะ ว่าแฟนของคุณย่อมตกเป็นเหยื่อสายตาของชาวบ้านมั่งล่ะ ก็ถือว่าแบ่งๆกันไปเพื่อช่วยเพื่อนร่วมโลกละกัน ได้บุญนะเนี่ยเดี๋ยวจะหาว่าไม่บอก 555
ดังนั้น ความเซ็กซี่สำหรับบางคนก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่เกิดทุกคนไป แต่หากใครเข้าข่าย บอร์น ทู บี เกิดมาเพื่อเซ็กซี่ขนาดน้าน ก็อิจฉายะเฟ้ย เชอะคนอะไร้โชคดีจริงๆ แต่โดยทั่วไป มนุษย์ส่วนใหญ่จะเซ็กซี่ได้ มักเข้า ตำรา "ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง" ให้สวิงริงโก้ต่างหาก
ส่วนจะทำไงให้เซ็กซี่ได้น่ะเหรอ? โถ ไม่ยากหรอกแค่หืดขึ้นคอ เอ้ย แค่เข้าไปถามคนที่เซ็กซี่ดูสิว่า ทำไงให้ตัวเองดูดีสวีวี่วีปานนั้น แต่ก็อีกใครว้าจะกล้าเข้าไปถามคนพวกนั้นตรงๆ ยิ่งถ้าเป็นคนแปลกหน้าด้วยแล้ว มีแต่คนหน้าด้าน...เอ้ย คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยมเท่านั้นที่ทำเนียนได้
งั้นขอเป็นกูรู แนะการทำตัวให้เซ็กซี่ดีฝ่าเนอะ อันว่าความเซ็กซี่นี่นะ เริ่มได้ตั้งแต่.....
1. ควรมีผิวพรรณดี, อ่อนนุ่มและสะอาด
อย่าลืมนะจ๊ะว่า ผิวที่ผุดผ่องและเปล่งปลั่งนั้นเรียกร้องความสนใจจากใครๆ และแม้แต่ตัวคุณเองได้ซำเหมอ ถามว่า แล้วทำไงผิวถึงจะสวยล่ะ? ก็ต้องหมั่นดูแลและบำรุงรักษาสิ แต่พูดนี่ไม่ต้องถึงกับไปเสียตังค์พิถีพิถันกับผิวมาก ขนาดขวนขวายหายาวิเศษที่มีสูตรผสมของทองคงทองคำตามอย่างไฮโซ ที่ต้องจ่ายตังค์กันทีเป็นแสนเป็นล้านหรอกนะ แค่ดูแลผิวตามสไตล์โลโซของเราก็พอ เช่น ใช้ครีมหรือโลชั่นที่ช่วยให้ผิวใส และอย่าลืมขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว หรือขรุขระหมองคล้ำออกไปด้วยล่ะ โดยการใช้ครีมหรือโฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ ไม่งั้นจะใช้โฟมที่มีสครับก็ได้ ขอให้ เลือกให้ถูกกับผิวของคุณก็พอ เพราะโฟม หรือครีมล้างหน้าบางยี่ห้อ บางคนใช้ได้ดี แต่บางรายกลับแพ้ก็มี อยากงามก็ต้องดูแลเยอะๆ แฟนจะได้รักได้หลง แต่อย่าไปยึดติดกับการดูโฆษณาขายของทางทีวีมากไป เพราะถ้าใครไม่รักเราเพราะเราผิวเสีย หรือรักเพราะเราผิวดีอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงจิตใจของเราเลยว่าดีหรือร้ายขนาดไหน งั้นก็แค่รักฉาบฉวย ไม่หนับหนุนหรอกนะ
2. ไว้ผมยาวสลวย แต่ต้องหมั่นสระผมนะ ไม่ใช่ผมยาวก็จริงแต่อู้หู...เหาเต็มเลย แล้วจะไปเซ็กซี่ตรงไหนว่ะ
นอกจากนี้ ควรไว้ผมให้รับกับใบหน้าด้วย ไม่ใช่ไว้ผมยาวทรงอะไรก็ได้ แต่ไม่ได้ดูเล้ยว่าเข้ากับใบหน้าหรือชีวิตตัวเองรึเปล่า? ขืนเป็นงี้ ไว้ผมยาวไปก็ไลฟ์บอยย์ ไม่ก่อให้เกิดแรงกระตุ้นอยากให้ใครๆโฉบเข้าใกล้ก็เสร็จกัน และไว้ผมยาวก็อย่าให้ผมแตกปลายเชียว ไม่งั้นความน่าพิสมัยจะลดลงได้
หากท่านใดอยากไว้ผมยาวตรงๆ หรือดัดปลายซะหน่อยแล้วสยายเคลียไหล่ ก็ทำให้ผมของคุณสวยนุ่มนวลดูเป็นผู้หญิ้ง ผู้หญิงดีนะ แถมยังเอาไว้ สะบัดไปมาเวลาชอบใจอะไรสักอย่างก็พลิ้วสลวยเก๋กู้ด (ดี) แต่อย่าปล่อยให้ผมแห้งเป็นเส้นไม้กวาด ละกัน นี่เรากำลังอยากทำตัวเป็นนางเอกนะยะ ไม่ใช่สาวเร่รอนในละครหรือแม่มดที่ไหน

3. ถ้าแต่งหน้า ก็เลือกทาปากสีสดใส แต่อย่าแดงแช้ดลูกเดียว เพราะบางคนไม่เหมาะกับสีแดงทุกเฉดซะหน่อย ขืนแดงฉูดฉาดคงไม่ไหวอ่ะ เดี๋ยวใครๆคิดว่า จะไปเล่นงิ้วมากกว่าอยากทำตัวเซ็กซี่ก็ผิดจุดมุ่งหมายดิ่
อ้อ ก่อนเลือกซื้อลิปสติก ผู้เชี่ยวชาญเรื่องความสวยความงามบอกว่า ไม่ควรหลงเชื่อ "สีตอนที่อยู่ บนแท่ง" ให้มาก เพราะเวลาเอามาทา กลับไม่ออกสีเหมือนในแท่งถมไป ทางที่ดีลองนำลิปสติกที่สนใจมาทาที่มือก่อน ว่าถูกใจสีนี้แน่นะ? เพราะสีของลิปสติกเนี่ย มีหลายเฉดจังวุ้ย บางคนกลับชอบสีเอิร์ธโทน บางรายชอบสีชมพู หรือซื้อมา 2 แท่งเพื่อใช้ผสมกันก็มี ฉะนั้น ก่อนใช้มันยั่วยวนใจใคร ละก็ เลือกให้เหมาะเหม็งกับตัวเองละกัน ส่วนสีอะไรก็เรื่องของตู เอ้ย...เรื่องของเดี๊ยน...สาวมั่นก็เงี้ยะ
4. ทาเล็บหน่อยมะ
บางทีการทาเล็บด้วยสีแปลกๆ อาจบ่งบอกให้ผู้พบเห็นมองว่าสาวเช่นคุณซุกซนหน่อยๆได้ด้วย ยิ่งถ้ามีนิ้วเรียวยาวและแขนยาวด้วยแล้ว เหมาะจริง จริ๊ง เลยนะตัว

5. อย่าลืมกลิ่นหอมจรุงเรือนกายด้วยล่ะ
เลือกน้ำหอมสักกลิ่นที่ทำให้คุณมั่นใจในความเซ็กซี่ของตัวเอง แหมขึ้นชื่อว่าน้ำหอมก็ช่วยส่งกลิ่นดีๆทั้งนั้น ยกเว้นแต่ไปเลือกกลิ่นประหลาดกลายเป็นเหม็นแทนก็ระวังหน่อย เห็นมะจะเป็นสาวเซ็กซี่ทั้งทีไม่เห็นยากเลยนะฮ้า. ข้อมูลจาก ภาพประกอบทางอินเทอร์เน็ต

# แต่งตัวให้เข้ากับตัวเอง







Right Style & Image
สไตล์ใคร สไตล์คุณ…คุณเป็นใคร โดย แดงส์ ตักสิลา 4 พฤศจิกายน 2551


ใครเป็นคุณ ? คุณเป็นใคร ? แล้วคุณอยากเป็นใคร ? ที่เป็นคุณได้อย่างที่ตัวตนของคุณอยากจะเป็นเริ่มต้นจากความเข้าใจตัวตนของตัวเองก่อนว่า ตกลงแล้วคุณเป็นใคร ?คุณเป็นใคร ?

นั่นคือ บทบาทหนึ่งที่คุณได้รับตั้งแต่แรกเกิด คุณเลือกไม่ได้ต้องเป็นไปตามวิถีพื้นฐานครอบครัว การเลี้ยงดูแต่การเรียนรู้ทำให้เลือกที่จะเป็นได้ การเรียนรู้เพื่อให้เกิดความเข้าใจในสังคม การอยู่ร่วมกัน หน้าที่ ความรับผิดชอบ และผลกระทบของสังคม ที่สะท้อนมาถึงตัวตนของคุณ ทำให้คุณเลือกทางที่จะอยู่ในกระแสสังคมได้อย่างมีความสุข และเป็นตัวตนของคุณที่แท้จริงหากคุณรู้จักเลือกที่จะเรียนรู้ศิลปะการจัดรูปแบบวิถีชีวิต (Lifestyle Art) ซึ่งเป็นทุกอย่างที่เกี่ยวกับตัวคุณในทุกๆ เรื่อง อย่างเช่น การเลือกแต่งตัวให้เหมาะสมและลงตัว คุณจะดูดีด้วยความเหมาะสมกับความเป็นตัวตนของคุณซึ่งสอดคล้อง กับอาชีพ หน้าที่ความรับผิดชอบ และองค์กรที่คุณอยู่อยากให้มองเป็นภาพเชิงศึกษา หรือภาพเชิงซ้อนว่า ตัวตนของคุณเป็นใคร ถ้าคุณไม่ยอมนำเสนอตัวเองออกมา (Self-Image) คุณไม่กล้าแสดงบทบาท ที่คุณได้รับในสายงานอาชีพของคุณอย่างเต็มที่ เต็มรูปแบบ (Right Career Style & Image) คุณอาจจะเสียโอกาสที่คุณจะได้อะไรดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตข้างหน้าซึ่งรอคุณอยู่ ตำแหน่งใหม่ ความมั่นคงในอาชีพและสังคมที่คุณอยู่ คุณควรภูมิใจในตัวเอง ด้วยการเป็นตัวของตัวเองที่เหมาะสมกับบทบาทในครอบครัวและสังคมของคุณ (Right Social Style & Image)เรื่องของเรื่อง อยากให้แสดงความสวยงาม และความเป็นตัวตนที่แท้จริงออกมาใช้ให้มากที่สุด

สิ่งสำคัญที่สุดจึงเป็นการเปิดใจ ยอมรับตัวตนของตัวเอง เพื่อกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วคุณจะมีความสุข สนุกกับการเลือก และมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก อย่าปล่อยเวลาให้เลยไป เหมือนสายน้ำซึ่งไหลแล้วไม่ย้อนกลับมา ชีวิตและวัยของเราก็เหมือนกันเริ่มต้นศึกษาตัวเองเถอะ ความสนุกสนานรอคุณอยู่อาจจะเริ่มจากความเข้าใจในตัวองค์กร (Right Corporate Style & Image) เหตุผลของขอบข่ายงานที่ต้องดูแล รวมทั้งการที่ต้องมีเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับงาน และส่วนอื่นๆ ที่ต้องการการดูแล ตั้งแต่เรื่องศีรษะจรดเท้า ความลงตัวของเสื้อผ้า หน้าและผม ทุกอย่างจะทำให้ดูดี เสื้อผ้าดีแต่ตัวคนใส่ไม่ดูแลส่วนอื่นของตัวเอง หาสไตล์ไม่เหมาะก็อาจจะทำให้ดูไม่ดีได้และต้องรู้จักเลือกและเข้าใจในอาชีพหน้าที่ หาความเหมาะสมที่เป็นกลางที่สุด การเลือกโทนสี หาสไตล์เฉพาะตัวที่เป็นสากล รูปแบบเสื้อผ้าให้ดูเหมาะสมกับสัดส่วนรูปร่างของตัวเอง อาจจะเริ่มจากการดูของเก่า เช่นเสื้อผ้าที่แน่นตู้ของคุณเอง เลือกชิ้นส่วนที่ยังใช้ได้อยู่และร่วมสมัย นำมา Mix & Match ดูว่าได้สไตล์ที่ต้องการหรือไม่ รูปแบบสไตล์ต้องไม่ดูรุงรัง ดูดี เรียบง่าย ซึ่งขึ้นอยู่กับอาชีพของคุณ หรืออาจจะหาซื้อชิ้นใหม่เพิ่มเติมให้ดูดียิ่งขึ้น เพิ่มบางชิ้นไม่จำเป็นต้องมีชุดใหม่เสมอ จะได้ช่วยประหยัดเงินด้วย